สงครามข่าวยามวิกฤติ! กัมพูชา ชิงพื้นที่โซเชียล - ไทยยังตั้งรับ?

ภายหลังประชุมการประชุมกรณีข้อพิพาทชายแดนไทย - กัมพูชา โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีของไทย และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเข้าร่วมเจรจา จนได้ข้อสรุปร่วมกันว่าให้ทั้งสองฝ่ายวหยุดยิงทันที โดยไม่มีเงื่อนไข โดยกำหนดให้เริ่มหยุดยิงเวลา 00.00 น.วันที่ 29 กรกฎาคม 2025

เมื่อถึงเวลาเชื่อว่าประชาชนต่างเฝ้ารอข่าวสารที่ได้รับการยืนยันและเชื่อถือได้ว่าโดยสรุปแล้วการสู้รบกันที่บริเวณชายแดนนั้นสงบลงหรือยัง มีเพียงข้อความจากประชาชนบริเวณชายแดนที่พยายามสื่อสารถึงเพื่อนร่วมชาติว่ายังคงมีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลาประมาณ00.40 น. มีการยืนยันจากกองทัพไทยยืนยันว่าทุกพื้นที่หยุดยิงแล้ว

แม้สถานการณ์การปะทะด้วยอาวุธจะสงบลงแล้ว แต่ "สงครามข่าวสาร" กลับทวีความรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนว่ากัมพูชาจะเป็นฝ่ายที่ใช้กลยุทธ์การสื่อสารเชิงรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ในขณะที่ฝ่ายไทยยังคงอยู่ในโหมดตั้งรับ?

จากการติดตามสถานการณ์พบว่า กัมพูชา โดยเฉพาะจาก สมเด็จฯ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างกระแสอย่างต่อเนื่อง

05.04 น. เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเส้นตายหยุดยิง สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้โพสต์ข้อความชื่นชม โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้ พร้อมแนบรูปที่ทั้งคู่เคยถ่ายร่วมกันในอดีต

นอกจากนี้ยังได้มีการแพร่ภาพสดรายงานสถานการณ์-พูดคุยกับประชาชนชาวกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง

ในทางกลับกัน การสื่อสารจากฝั่งไทยดูเหมือนจะเน้นไปที่การรายงานสถานการณ์ข้อเท็จจริงและการประณามการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

โดยส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารจากกองทัพ

10.40 น. สื่อกัมพูชารายงานข่าวสอดรับกับการแถลงของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา โดย พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ยืนยันไม่มีเสียงปืนดังตามที่กองทัพไทยระบุ สถานการณ์สงบเรียบร้อย หลังพ้นเส้นตายตามข้อตกลงหยุดยิง 

10.56 กองทัพไทย ได้ปฏิเสธคำแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง โดยฝ่ายกัมพูชา เป็นฝ่ายที่ยังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของไทยในหลายจุด หลังเส้นตายข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจนถึงการละเมิดพันธกรณีทั้งที่ผู้นำทั้งสองประเทศเพิ่งลงนามร่วมกัน ชี้

“พฤติกรรมเช่นนี้มิใช่เพียง การบิดเบือนความจริง แต่ยังเป็น ความพยายามปั้นโลกปลอม เพื่อกลบเกลื่อนการกระทำของตน และเบี่ยงเบนสายตาจากความรับผิดชอบที่ฝ่ายตนควรต้องเผชิญ”

อย่างไรก็ตามในสถานการณ์เช่นนี้ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสารและโปรดติดตามสถานการณ์จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้