เปิด 5 รายชื่อ กตป.ชุดใหม่ เสือกระดาษ ตรวจสอบ กสทช. 3 ใน 5 เป็นลูกหม้อ

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเห็นชอบกรรมการติดตามและการประเมินผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กตป.กสทช.) จำนวน 5 ด้าน หลังจากที่ได้พิจารณารายงานการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมเป็นการลับแล้วเสร็จ โดยผลการมติของที่ประชุมวุฒิสภา ที่ลงคะแนนออกเสียงดังนี้

ด้านกิจการกระจายเสียง

พล.ต.ต.เอกธนัช ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ด้วยเสียงข้างมาก 117 คะแนน 

ด้านกิจการโทรทัศน์

นายพันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา ผู้ปฏิบัติงานประจำ กสทช. และอนุกรรมการด้านการอนุญาต และกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมและวิทยุคมนาคม กสทช. ด้วยเสียงข้างมาก 103 คะแนน 

ด้านกิจการโทรคมนาคม

รองศาสตราจารย์นางอุรุยา วีสกุล นักวิชาการคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยเสียงข้างมาก 114 เสียง

ด้านคุ้มครองผู้บริโภค

พล.อ.สิทธิชัย มากกุญชร อดีตผู้ปฏิบัติงานประจำประธานกรรมการ กสทช. ด้วยเสียงข้างมาก 105 เสียง

ด้านส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน 

น.ส.อิสรารัศมิ์ เครือหงส์ ผู้ช่วยเลขานุการ กสทช. ด้วยเสียงข้างมาก 100 เสียง

สำหรับกตป.ถูกตั้งขึ้นมาตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 70 กำหนดให้มีคณะกรรมการติดตามและประเมินผล การปฏิบัติงานขึ้นคณะหนึ่ง มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 72 

กล่าวคือ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการ และการบริหารงานของ กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. แล้วแจ้งผลให้ กสทช. ทราบภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันสิ้นปีบัญชี และให้ กสทช. นำรายงานดังกล่าวเสนอต่อรัฐสภาพร้อมรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ของ กสทช. ตามมาตรา 76 

และเปิดเผยรายงานดังกล่าวให้ประชาชนทราบทางระบบเครือข่ายสารสนเทศ ของสำนักงาน กสทช. หรือวิธีการอื่นที่เห็นสมควร โดยการประเมินดังกล่าวต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและข้อมูลต่าง ๆ และต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียประกอบด้วย ซึ่งคณะกรรมการอาจมอบหมายให้หน่วยงาน หรือองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และประเมินผล เพื่อประโยชน์ในการจัดทำรายงาน

ประกอบกับ มาตรา 73 กำหนดให้รายงานตามมาตรา 72 อย่างน้อยจะต้องมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ 

(1) ผลการปฏิบัติ งานของ กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. 

(2) รายงานข้อเท็จจริงหรือข้อสังเกตจากการปฏิบัติตาม อำนาจหน้าที่ของ กสทช. ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพและความสอดคล้องกับนโยบาย ของรัฐบาล พร้อมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะ 

(3) ความเห็นเกี่ยวกับรายงานประจำปีที่ กสทช. ได้จัดทำขึ้น ตามมาตรา 

(4) เรื่องอื่น ๆ ที่เห็นสมควรรายงานให้ กสทช. รัฐสภา หรือประชาชนทราบ 

ตามมาตรา 70 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และผู้ได้รับการคัดเลือกได้มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบว่า ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 71 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553

และระเบียบวุฒิสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการคัดเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 พ.ศ. 2555 ข้อ 18 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อัตราค่าตอบแทนของประธานคณะกรรมการ กตป. อยู่ที่ 2.25 แสนบาท และคณะกรรมการ (บอร์ด) กตป. อยู่ที่ 1.8 แสนบาท

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กตป.ถูกมองว่าเป็นแค่ เสื้อกระดาษ ที่ต้องรองบประมาณจากกสทช.มาจัดสรรเพื่อดำเนินการทำงานตามภารกิจดังกล่าว และก็ยังไม่เคยท้วงติงอะไรที่ทำให้กสทช.เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ดังนั้นการมีบอร์ดชุดใหม่ที่มีเหมือนลูกหม้อของคนกสทช.ถึง 3 คน จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ อย่างไร