posttoday

4 แนวทางแก้ปัญหา เศรษฐกิจนอกระบบ จาก “ทุนจีนสีเทา”

29 มกราคม 2568

ประธานสมาพันธ์SME แนะ 4 แนวทางแก้ปัญหา เศรษฐกิจนอกระบบ จาก “ทุนจีนสีเทา”ปลดบ่วง หลุดพ้นการสร้างความร่ำรวยของคนบางกลุ่ม

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ SME ไทย เปิดเผยกับโพสต์ทูเดย์ถึงปัญหาทุนจีนสีเทา ในประเทศไทย ที่นำมาซึ่ง “เศรษฐกิจนอกระบบ” ระบุว่า เศรษฐกิจนอกระบบจากทุนจีนสีเทา อาทิ การลักลอบหนีภาษีสินค้าเข้าประเทศ อาทิ หมูเถื่อน ไก่เถื่อน สถานบันเทิงผิดกฎหมาย การประกอบกิจการในลักษณะนอมินี ทุนเทาการพนันออนไลน์ ทุนเทาค้ามนุษย์

 

ต้องปราบการทุจริตคอร์รัปชั่น การรู้เท่าทันรูปแบบการดำเนินธุรกิจทุนเทาที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมายภาคประชาชนที่สะท้อนอย่างตรงไปตรงมา สร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน ผู้ประกอบการและเศรษฐกิจ สังคมไทย เพื่อปลดบ่วงหลุดพ้นการสร้างความร่ำรวยของบางกลุ่มบนความทุกข์ยากเบียดเบียนประเทศไทย

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ SME ไทย

ความท้าทายของประเทศไทยกับการแก้ไข ป้องกันปัญหาธุรกิจทุนเทาที่มาจากหลายประเทศต้องมีมาตรการที่เน้นการเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนาด้วยความรวดเร็วในการแก้ปัญหา การป้องกันในการสร้างความตระหนักการมีส่วนร่วมสู่ความยั่งยืน ซึ่งประเทศไทยควรปรับแนวทางการดำเนินการเชิงรุก คือ

 

1.การบังคับใช้กฎหมายไทยที่มีอยู่ และบูรณาการหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับธุรกิจทุนเทาผิดกฎหมาย ทั้งผู้ประกอบการต่างชาติ นอมินีผู้ประกอบการไทยบางราย เจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างผิดกฎหมาย เป็นต้น

 

2.การเปิดช่องทาง Digital Footprint เพื่อรับเรื่องร้องเรียนถาวร เพื่อการแก้ไขปัญหาให้ภาคประชาชนและผู้ประกอบการ รวมทั้งภาครัฐได้เบาะแสปรามปรามจัดการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา Traffy Fondue ช่องทาง นักสืบทุนเทา ที่มีการทดลองใช้ก็มีความน่าสนใจและได้ผลในระดับดีมากสร้างการมีส่วนร่วมและรายงานความคืบหน้าก่ารแก้ปัญหาได้ด้วย

 

3.นำปัญหา และช่องว่างการดำเนินการข้อ 1 และข้อ 2 มาร่วมกันทบทวนมาตรการ กฎระเบียบ กฎหมายที่ยังไม่ครอบคลุม หรือ รัดกุมเพียงพอเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินการป้องกัน ปราบปรามได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

 

สิ่งสำคัญ คือ การอนุญาตให้ธุรกิจต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยต้องคำนึงถึงผลกระทบกับผู้ประกอบการไทย แรงงานไทย เศรษฐกิจไทยโดยรวมด้วย ทั้งนี้ประเทศคู่ค้าไทยต้องส่งเสริม ยอมรับ อำนวยความสะดวกให้ธุรกิจในประเภทเดียวกันของผู้ประกอบการไทยเข้าไปทำธุรกิจเช่นเดียวกับประเทศด้วยในกติกาเดียวกันจึงจะเป็นธรรม อาทิ การอำนายความสะดวกในการเข้าถึงสินค้าไทย ร้านค้าไทย ล้งไทย แพลตฟอร์มออนไลน์ไทย เป็นต้น ดำเนินธุรกิจในประเทศคู่ค้าไทย

4.มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เป็น “นักรบเศรษฐกิจใหม่” เพื่อแข่งขันในตลาดโลกทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอีควบคู่กัน โจทย์ คือ วันนี้เรามีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ส่งออกทางตรงเพียงราว 23,000 ราย มีมูลค่าส่งออกต่อปีเพียงราว 1 ล้านล้านบาท หรือ ราวร้อยละ 13 ของมูลค่าการส่งออกทั้งประเทศ อาทิ

 

1)“ยกระดับคน” การ Up skills – Re skills ผู้ประกอบการควบคู่ภาคแรงงานไทยด้าน Digital literacy, Social literacy, AI literacy, Finance literacy, และการบ่มเพาะความเป็นผู้ประกอบการที่มีฐานนวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ที่ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินธุรกิจ หรือ ESG ในแบบฉบับที่ทรงคุณค่าของประเทศไทย เป็นต้น

 

2)“ยกระดับมาตรฐาน” การสนับสนุนส่งเสริมการเข้าถึงมาตรฐานสินค้า บริการของผู้ประกอบการไทยที่จำเป็นทั้งในและต่างประเทศ และมาตรฐานฝีมือแรงงาน คุณวุฒิวิชาชีพที่ทันสมัยของแรงงานไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ สร้างมูลค่าเพิ่ม โอกาสการค้า การจ้างงานสีเขียวมากขึ้น

 

3)“ยกระดับฐานข้อมูล” การเข้าถึงข้อมูลตลาดและสร้างช่องทางการสื่อสารข้อมูล ความรู้ บทวิเคราะห์ กรณีศึกษา ด้านกฎระเบียบ ขั้นตอน วิธีการ โอกาสในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทยรองรับการแข่งขันธุรกิจต่างชาติและการขยายตลาดไปในแต่ละ “กลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่” ที่เป็นเป้าหมายของไทย เป็นต้น

 

4)“ยกระดับการค้า การลงทุน” ด้วยการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศ และขยายการค้า การลงทุน การตลาด สิทธิประโยชน์ของ TDI นอกเหนือจาก FDI ที่ต้องให้การสนับสนุน ส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรมในกลุ่ม Soft Power, BCG Economy และ S-Curve

 

ไม่ใช่ส่งเสริมการขนคน ขนของ ขนปัจจัยการผลิตจากต่างชาติมาลงทุนในประเทศแต่เศรษฐกิจท้องถิ่นและเศรษฐกิจไทยไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร อีกทั้งการสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้ประเทศและผู้ประกอบการไทยต้องเน้นส่งเสริมการผลิตทดแทนการนำเข้าโดยเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย การปรับยุทธศาสตร์ Business model รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการตลาด โลจิสติกส์ของไทย อาทิ องค์การตลาด องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การคลังสินค้า ไปรษณีย์ไทย สร้างความเข้มแข็งให้รองรับการบริการตลาดในประเทศ

 

โดยเพิ่มขีดความสามารถส่งเสริมขยายฐานตลาดและโลจิสติกส์เข้าไปเติบโตในต่างประเทศได้ด้วย อาทิ CLMV รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ต้องเน้น “ให้เขา เราได้คุ้มค่า” เปิดรับข้อมูลจากภาคเอกชนในทุกขนาดที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม การใช้ FTA ที่ไทยรุกทำแต่ละประเทศให้เข้าถึงผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์ได้อย่างเข้าใจ และเข้าถึง เพื่อนำไปพัฒนาตลาดอย่างคุ้มค่าสร้างรายได้เพิ่มให้ประเทศ ปรับมาตรการใช้ “การตลาดนำนักรบเศรษฐกิจไทยเติบโตในต่างแดน”

 

5)“ยกระดับทุน” เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนของภาครัฐจากหน่วยงานต่างๆในการขยายการเติบโตเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจประกอบการใช้ฐานนวัตกรรม เทคโนโลยีในการขับเคลื่อน เพิ่มผลิตภาพ และแข่งขันได้ อีกทั้งการเข้าถึงแหล่งทุนต้นทุนต่ำของสถาบันการเงินภาครัฐที่ต้องใช้กลไก มาตรการที่มีมุ่งเป้าสนับสนุนพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งเป็นหลัก

 

ขณะที่สถาบันการเงินพาณิชย์ต้องปรับการคิดดอกเบี้ยที่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เป็นต้น ทั้งนี้ระบบการให้แหล่งทุนต้องควบคู่การพัฒนาที่เป็นรูปธรรมมีกลไกการส่งต่อเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 12.72 จุด DELTA ฉุดดัชนี-ไร้ปัจจัยใหม่หนุน