posttoday

อาจารย์มหิดลชี้ สาเหตุหลัก PM2.5 มาจากรถที่ใช้น้ำมัน แนะศึกษาลอนดอนโมเดล

27 มกราคม 2568

อาจารย์มหิดล ชี้ ต้นตอ PM2.5 หลัก ๆ ยังมาจากยานยนต์ที่ใช้ดีเซล-เบนซิน ส่วนโซนภาคเหนือ-อีสาน มาจากเผาใบอ้อยและข้าวโพด แนะรัฐใช้กฏหมายที่มีอย่างจริงจัง เร่งจัดการผู้ปล่อยมลพิษ ยกกรณีลอนดอนโมเดล รถยนต์เก่าอายุมากกว่า 7 ปีขับผ่านเขตปลอดมลพิษต้องจ่ายเงิน

รศ.ดร.สราวุธ เทพานนท์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยว่า ฝุ่น PM 2.5 มีต้นตอมาจากหลายแหล่ง อย่างพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะพบว่าวิกฤตฝุ่นไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา วันที่ค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐาน เป็นเพราะสภาพอากาศปิด โดยแหล่งที่มาของการปล่อยมลพิษหลัก ๆ คือไอเสียจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล 

นอกจากนี้การแบ่งส่วนแหล่งที่มายังพบแหล่งสำคัญอื่นๆ รวมถึงไอของสีและทินเนอร์ การเผาชีวมวล การปิ้งอาหาร และการกำจัดขยะของเทศบาล อีกส่วนมาจากการเผาในที่โล่งจากพื้นที่เกษตรกรรม และโรงงานต่าง ๆ 

“ทั้งนี้เมื่อสภาพอากาศปิด ทำให้ปริมาณฝุ่น มลพิษต่าง ๆ ไม่สามารถระบายออกไปได้ ส่วนจังหวัดอื่นๆ ทั้งในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สาเหตุหลักมาจากการเผาในพื้นที่เกษตรโดยตรง ซึ่งเกษตรกรมีการปลูกอ้อย ปลูกข้าวโพด และยังนิยมเผาอยู่ เนื่องจากบางจังหวัดเป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนการรับอ้อยเผาเข้าหีบสูง”
 

รศ.ดร.สราวุธ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาควรแก้จากแหล่งกำเนิด มากกว่าการแก้ปัญหาระยะเฉพาะหน้า มีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง เพราะไทยมีกฏหมายหลายฉบับที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาฝุ่นและมลพิษทั้งทางตรงและทางอ้อม ไทยมีมีกฏหมายภาพรวมที่ใช้ทั้งประเทศ และอีกกฏหมายคือกฏหมายท้องถิ่น ที่แต่ละแห่งสามารถออกประกาศควบคุมแต่ละพื้นที่เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความจำเป็นได้ ที่ผ่านมาไม่ใช้ ใช้แค่กฏหมายกลาง ๆ ในภาพรวม อย่างไรก็ตามแต่ละพื้นที่มีรูปแบบปัญหาต่างกัน  

ทั้งนี้มาตรการบางอย่างอาจจะต้องเป็นมาตรการที่จำเพาะเจาะจงมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การใช้น้ำมันเบนซิน มองว่าต่อไปอาจต้องค่อย ๆ ควบคุมปริมาณใช้โดยเฉพาะกับรถจักรยานยนต์ ซึ่งการปล่อยมลพิษอาจไม่มาก แต่ปริมาณรถจักรยานยนต์ในไทยมีหลายสิบล้านคัน 

สารก่อมะเร็งจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง

ข้อมูลจากวารสารเรื่องคุณภาพสิ่งแวดล้อมของภาควิชาวิศวกรรมสุขาภิบาล คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ประเทศไทยมีการกำหนดค่ามาตรฐานคุณภาพอากาศอยู่ ซึ่งของกรุงเทพฯ ตัวที่เกินมาตรฐานอยู่ตอนนี้คือสารกลุ่มที่เรียกว่าสาร Air Toxic1 คือสารเบนซีน เป็นสารก่อมะเร็ง สารตัวนี้ส่วนใหญ่ออกมาจากรถยนต์ วิธีแก้ก็คือต้องไปจัดการการระบายเบนซีนจากรถยนต์ ของไทย

ยกกรณีลอนดอน “เขตปลอดคาร์บอน” ใช้ในกรุงเทพฯ 

รศ.ดร.สราวุธ กล่าวต่อว่า อย่างมาตรการเฉพาะเจาะจงที่เป็นการตรวจจับควันดำ และห้ามใช้รถที่ปล่อยควันดำ เป็นมาตรการที่ไทยทำอยู่แล้ว แต่ก็เคยมีหลายคนพยายามเรียกร้องให้กรุงเทพมหานคร พิจารณาตัวอย่างจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่มีการกำหนด Low Emission Zone หรือตั้งเขตปลอดคาร์บอน หรือเขตปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ

"รถที่จะสามารถขับเข้าไปได้ต้องเป็นรถที่อายุไม่เกิน 7 ปี เพราะว่ารถที่มีอายุเกิน 7 ปี จะมีมลพิษสูง ถ้าขับเข้าไปต้องเสียเงินค่าธรรมเนียม"

ประเทศไทยอาจจะต้องทำกฏหมายลักษณะนี้ เลือกเฉพาะพื้นที่ให้เป็นเขตปล่อยมลพิษต่ำ เช่น กรุงเทพฯ ในช่วงธันวาคม-มกราคม เป็นช่วงสภาพอากาศปิด อาจจะกำหนดมาตรการนี้ขึ้นมาในช่วง ธันวาคม-มกราคม แต่เวลาอื่นก็ไม่ต้องบังคับใช้ อาจจะบังคับใช้แค่บางช่วงและบางพื้นที่ เช่น พื้นที่ที่อาจมีทางเลือกในการจราจร มีรถไฟฟ้าบนดิน รถไฟฟ้าใต้ดิน ให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางในพื้นที่ แต่พื้นที่ที่ไม่มีรถไฟฟ้าอาจจะยังไม่ทำ หรือเป็นการบังคับใช้หลักการในการจัดการมลพิษที่เรียกว่า Polluter Pays Principle ผู้ก่อมลพิษ เป็นผู้จ่าย หลักการนี้คือถ้าปล่อยมลพิษสูงต้องรับผิดชอบสิ่งที่ปล่อยไป

ไทยมีกฏหมายจัดการมลพิษ แต่ไม่เอามาใช้จริงจัง 

รศ.ดร.สราวุธ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีกฏหมายเรื่องการจัดการมลพิษมากมาย แต่ไม่เอามาใช้จัดการผู้ก่อมลพิษในลักษณะที่เข้มงวดมากขึ้น ถึงเวลานี้ต้องนำหลักการนี้มาใช้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องมีกระบวนการจัดการดาต้า โดยใช้ข้อมูลตรวจวัด ประเทศไทยมีข้อมูลตรวจวัดค่าฝุ่นมากมาย แต่เวลาใช้ข้อมูลตรวจวัดเป็นข้อมูลที่เก่าไปแล้ว ซึ่งหมายความว่า ประชาชนได้รับการสูดฝุ่นไปแล้ว ถึงจะรู้ว่าฝุ่นมันสูงเกินมาตรฐาน ควรใช้ข้อมูลตรวจวัดควบคู่ไปกับข้อมูลการพยากรณ์ เพราะการพยากรณ์จะได้รู้วันนี้เป็นอย่างไร วันพรุ่งนี้เป็นอย่างไร จะได้บริหารจัดการตนเอง

ซึ่งโดยสรุปแล้ว ไทยมีกฏหมาย มีข้อบังคับ แต่ยังไม่นำมาใช้อย่างจริงจัง และยังแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หลายเรื่องจำเป็นต้องค่อย ๆ แก้ ค่อยๆ ปรับ อย่างการลดปริมาณปล่อยมลพิษจากจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ซึ่งคนไทยใช้รถจักรยานยนต์จำนวนมากหลายล้านคัน อนาคตอาจเปลี่ยนไปเป็นจักรยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น 

ข่าวล่าสุด

ศาลนัดกำหนดวันนัดสืบพยาน "คดีตึกสตง.ถล่ม" ใหม่! โจทก์ร่วมหวั่นไม่รอบคอบ