posttoday

ศุภาลัย ตั้งเป้ายอดขายปีนี้26,000ล้านบาท

02 มีนาคม 2563

ศุภาลัย กวาดรายได้ปี 62 รวม 23,957 ล้านบาท และกำไร 5,403 ล้านบาท

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อย ในปี 2562 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัว แต่บริษัทฯ ยังสามารถทำยอดขายได้กว่า 22,324 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 38% และแนวราบ 62% จากการเปิดตัวโครงการ ทั้งหมด 24 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 19 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ

โดยบริษัทสามารถ ทำรายได้รวม 23,957 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับปี 2561 และมี กำไรสุทธิ 5,403 ล้านบาท ลดลง 6 % เนื่องจากจำนวนโครงการที่เปิดตัวลดลงและมาตรการ LTV ใหม่ ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2562 ซึ่งรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมและแนวราบ โครงการต่างๆ

สำหรับภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ในจังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันบริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนอสังหาฯ ในจังหวัดอย่างต่อเนื่องรวม 5 โครงการ อาทิ ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ นครราชสีมา, ศุภาลัย เบลล่า นครราชสีมา, ศุภาลัย วิลล์ นครราชสีมา, ศุภาลัย พรีโม่ สุรนารี และ โนโว วิลล์ สุรนารี และ โครงการที่ 6 ล่าสุดอย่าง “ศุภาลัย พรีมา วิลล่า นครราชสีมา” คฤหาสน์หรู Modern Luxury Style ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการกว่า 56 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท โดดเด่นด้วยทำเลศักยภาพ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

นอกจากนี้ยังมีที่ดินเปล่าที่ซื้อมาแล้ว ที่คอยการพัฒนาอีก 3 แปลง ซึ่งจะพัฒนาต่อเนื่อง ในปีต่อๆ ไป

สำหรับทิศทางในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดนครราชสีมา ยังคงมุ่งเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพที่มีโอกาสเติบโตของจังหวัด โดยเฉพาะ ด้านการคมนาคม ที่มีการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย-ลาว ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ สามารถเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งระหว่างภาคต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่ นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคได้ต่อไป

ศุภาลัย ตั้งเป้ายอดขายปีนี้26,000ล้านบาท

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งผลกระทบจากมาตรการ LTV ในช่วงแรกของปี ส่งผลให้ผู้บริโภคและนักลงทุนชะลอการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมี ปัจจัยบวกในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ กลับมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง นโยบายผ่อนปรนมาตรการ LTV การลดค่าจดจำนอง โครงการบ้านดีมีดาวน์ เป็นต้น

สำหรับปี 2563 บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนากลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อผลักดันยอดขายให้สู่เป้าหมาย ที่ตั้งไว้ โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 26,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 24,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 30 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 25 โครงการ และโครงการ คอนโดมิเนียม 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท พร้อมรุกเปิดตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค พร้อมด้วยทำเลศักยภาพ อาทิ พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก และฉะเชิงเทรา เพื่อครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาค

สำหรับในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ทำเลที่น่าสนใจยังเป็นส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากขึ้น และรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างอย่างสายสีเหลือง สีชมพู และสีส้ม ที่มีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดี เนื่องจากมีความต้องการของที่อยู่อาศัยสูงพร้อมมุ่งพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนารูปแบบการซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตของบริษัท

ข่าวล่าสุด

'นิวยอร์ก' คุมโซเชียล บังคับขึ้นคำเตือนอันตรายต่อสุขภาพจิตเยาวชน