posttoday

เสนออัด3แสนล้านบาท เร่งเยียวยาล็อกดาวน์ยืดเยื้อถึงปลายปี

23 สิงหาคม 2564

ทางรอดเศรษฐกิจไทย เร่งหาเงินเยียวยาให้ภาคธุรกิจและประชาชนเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 3 แสนล้านบาท หากต้องขยายล็อกดาวน์ถึงปลายปี

ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต เปิดเผยว่า รัฐบาลควรเดินหน้าคลายล็อกดาวน์ในทุกพื้นที่ ในบางกิจกรรมหากตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่ำกว่าผู้ได้รับการรักษาหายป่วยมากพอและสามารถทำให้ผู้ป่วยที่ต้องรักษาในระบบสาธารณสุชลดลงมาเหลือต่ำกว่า 100,000 รายจากปัจจุบันอยู่ที่ 200,339 ราย

ทั้งนี้ หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องขยายล็อกดาวน์เพราะตัวเลขติดเชื้อไม่ลดลงเลยและมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น และต้องล็อกดาวน์ไปอีกอย่างน้อยจนถึงปลายปีในขณะที่รอฉีดวัคซีนกันอยู่ รัฐบาลต้องเตรียมงบประมาณจ่ายเยียวยาให้ภาคธุรกิจและประชาชนเพิ่มเติมหากต้องขยายล็อกดาวน์ และ ควรประกาศล่วงหน้าและเยียวยาทันทีก่อนสั่งปิดพื้นที่หรือกิจกรรมเพื่อไม่ให้ “ความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจ” รุนแรงไปกว่าระดับวิกฤติในขณะนี้ ควรเตรียมเงินงบประมาณไม่ต่ำกว่าอีก 300,000 ล้านบาทหากต้องล็อกดาวน์ถึงปลายปี

การคลายล็อกดาวน์และเปิดให้บางกิจกรรมตามเงื่อนไขที่กล่าวมา (ผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในระบบสาธารณสุขต่ำกว่า 100,000 คน) การให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตเป็นไปตามปรกติเพื่อให้ประชาชนมีงานทำ กิจการธุรกิจต่างๆมีรายได้ รัฐจะได้เก็บภาษีมาบริหารประเทศและแก้วิกฤตการณ์ได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้

การคลายล็อกดาวน์และเปิดประเทศอย่างมียุทธศาสตร์นั้นเริ่มต้นต้องอยู่บนพื้นฐานของการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศและโลกได้อย่างถูกต้องด้วยข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเป็นวิทยาศาสตร์ ต้องสร้างความน่าเชื่อถือและศรัทธาต่อข้อมูลข่าวสารและระบบการสื่อสารโดยภาครัฐ อย่าปิดกั้นความเห็นต่างที่สร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศหรือมองเพื่อนร่วมชาติด้วยสายตาหวาดระแวง ต้องศึกษาบทเรียนจากความล้มเหลวจากการคลายล็อกดาวน์ในสองครั้งที่ผ่านมาว่าเกิดจากปัจจัยอะไรและเร่งแก้ไขไม่ให้เกิดซ้ำรอยอีก การเปิดพื้นที่และการเปิดบางกิจกรรมต้องกำหนดให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องผ่านการฉีดวัคซีน มีผลการตรวจเชื้อ ในบางกิจกรรมรัฐต้องจัดให้มีการสนับสนุนการตรวจหาเชื้อด้วย ไม่ควรผลักภาระให้เอกชนต้องรับผิดชอบฝ่ายเดียวโดยเฉพาะกิจการ SME ที่มีการจ้างงานในระบบมากกว่า 12 ล้านคน ครอบคลุมไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบริษัท ควรมีการสนับสนุนโดยงบประมาณของรัฐบางส่วน ส่วนบริษัทขนาดใหญ่ถึงใหญ่มากประมาณเพียงไม่กี่พันบริษัทมีความสามารถประคับประคองตัวเองได้ และ มีงบประมาณมากพอในการดูแลให้การดำเนินการต่างๆของกิจการเป็นไปตามมาตรฐานทางด้านสาธารณสุขอยู่แล้ว แต่รัฐต้องคลายล็อกให้บริษัทเหล่านี้ประกอบกิจการหรือธุรกิจได้โดยกำหนดเงื่อนไขทางด้านสาธารณสุขเอาไว้

ขณะนี้ เราต้องหยุดการแพร่ระบาดในคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรมและภาคการผลิตให้ได้ หากหยุดไม่ได้จะกระทบต่อเศรษฐกิจการส่งออก การจ้างงานและรายได้ประชาชนมาก จะทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ต้องแก้ปัญหาความไม่สมมาตรของข้อมูลที่เป็นผลมาจากความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการ ลูกจ้างหรือแรงงานโดยเฉพาะแรงงานรายวัน อาจปกปิดการติดเชื้อ Covid เพราะเกรงผลกระทบต่อรายได้และการมีงานทำ รัฐและเอกชนต้องร่วมกันจ่ายชดเชยให้กับลูกจ้างหรือแรงงานรายวันทันทีเพื่อให้เขาหยุดรักษาตัวและกักตัวทันที ที่ผ่านมา ระบบการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรมและการไม่มีระบบการจ่ายเยียวยาชดเชยรายได้ที่ดีพอทำให้การป้องกันการติดเชื้อในโรงงาน ในตลาดสด ในแคมป์คนงาน และ ในชุมชนแออัดที่มีแรงงานอิสระรับจ้างรายวันอาศัยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการติดเชื้อในครอบครัวของแรงงานรายวันอีก ความไม่สมมาตรของข้อมูล (asymmetric Information) ในหลายกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจไทย ทำให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงภัยทางศีลธรรม (Moral Hazard) เกิดปัญหาการเลือกรับภัยที่ขัดประโยชน์หรือการเลือกที่ก่อให้เกิดผลเสีย (Adverse Selection) ขึ้นอันเป็นผลจากการล้มเหลวของกลไกตลาด รัฐจึงต้องเข้าแทรกแซงด้วยการประกันรายได้ให้กับแรงงานติดเชื้อ ชดเชยรายได้ให้กับกิจการขนาดย่อมขนาดเล็กและประคับประคองสถานประกอบการที่ต้อง Lockdown จากคำสั่งของรัฐ ซึ่งในหลายกรณีเป็นคำสั่งที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและล้มเหลวในการควบคุมการแพร่ระบาดแต่สร้างความเสียหายต่อกิจการของผู้ประกอบการและฐานะทางเศรษฐกิจของผู้ใช้แรงงานอย่างรุนแรง การปรับเปลี่ยนมาตรการที่ไม่ใช่ ไม่มีประสิทธิผลเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจโดยไม่ชักช้า

ข่าวล่าสุด

SCB WEALTH กวาด 6 รางวัลระดับโลก สะท้อนความเป็นเลิศในทุกมิติการบริหารความมั่งคั่ง