posttoday

เปิดที่มาโครงการเราชนะไม่แจกเงินสด

15 กุมภาพันธ์ 2564

ดูที่มาโครงการเราชนะไม่แจกเงินสด จนทำให้เกิดอลเวงทั้งประเทศคนแห่ไปลงทะเบียนที่แบงก์กรุงไทยจนล้น

โครงการเราชนะ แจกเงิน 7,000 บาท เกิดความวุ่นการลงทะเบียนของกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ต ไม่มีสมาร์ทโฟน ไม่สามารถเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตัง อยู่ในภาวะพึ่งพิง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น ที่ธนาคารกรุงไทยระหว่างวันที่ 15-25 ก.พ. 2564 ซึ่งวันนี้เป็นวันแรก มีประชาชนมาลงทะเบียนจำนวนมาก ทำให้ธนาคารกรุงไทยรองรับไม่ไหว

โดยในโลกโซเชียลตำหนิรัฐบาลว่า เป็นต้นเหตุปัญหาดังกล่าว เพราะไม่ยอมแจกเป็นเงินสดเข้าบัญชีผู้ที่ได้สิทธิตั้งแต่ต้น

ทั้งนี้หากดูที่มาของโครงการเราชนะทำไมไม่แจกเป็นเงินสด ในเฟสบุ๊คของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน หนึ่งในทีมเศรษฐกิจที่สำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ชี้แจงเหตุผลดังกล่าวว่าทำไมรัฐบาลไม่แจกเป็นเงินสด

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ได้โพสต์เฟสบุ๊ค เมื่อวัน ที่ 19 มกราคม เวลา 16:38 น. ว่า

"โครงการ "เราชนะ" หมุนเงิน 2.1 แสนล้านบาท ให้กระจายทั่วระบบเศรษฐกิจฐานรากวันนี้ คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติโครงการเราชนะ ช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน 31 ล้านคน คนละ 3,500 บาท/ เดือน เป็นเวลา 2 เดือน คือ กุมภาพันธ์และมีนาคม รวมเป็นเงิน 2.1 แสนล้านบาท ซึ่งจะมีการลงทะเบียนทางเว็บไซต์ WWW.เราชนะ.com ในวันที่ 29 มกราคมนี้

เงิน 2.1 แสนล้านบาท จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3-4 เท่า เพราะถูกกระจายหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจหลายรอบ คนที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจะมีมากกว่า 31 ล้านคน เพราะคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนจะได้ประโยชน์จากการจับจ่ายใช้สอยของคนที่ได้รับสิทธิ 31 ล้านคนไปโดยอัตโนมัติ เศรษฐกิจฐานรากที่เดินหน้าไปได้แล้วเมื่อช่วงปลายปี แต่มาสะดุดเพราะการระบาดรอบใหม่ จะเกิดโมเมนตัมให้ขับเคลื่อนต่อไปได้

ผมขออธิบายวิธีคิดของรัฐบาลในเรื่องนี้สั้นๆ ครับ โจทย์ของเราคือ ทำอย่างไรให้เงิน 2 แสนล้านบาทนี้ นอกจากจะช่วยบรรเทาภาระของผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตรงแล้ว ยังขยายผลต่อเนื่องให้ระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับฐานราก หรือระดับชาวบ้านให้ขับเคลื่อนไปได้ นอกจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาด หาบเร่ แผงลอย ร้านอาหาร ร้านขายของชำ คนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ จะได้รับเงินจากโครงการเราชนะเองโดยตรงแล้ว ยังมีรายได้เพิ่มจากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนผ่านโครงการด้วย

เราจึงเลือกวิธีให้ "สิทธิ” แทน "เงินสด” โดยรัฐบาลจะโอนเงินผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" ให้ผู้ได้รับสิทธิเดือนละ 3,500 บาท นำเงินใน เป๋าตัง ไปซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น พาครอบครัวไปกินอาหาร หรือจะใช้จ่ายค่าแท็กซี่ ค่าวินมอเตอร์ไซค์ ก็ได้ ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และร้านสะดวกซื้อ

ด้วยวิธีนี้ เงิน 2.1 แสนล้านบาทที่รัฐบาลอัดฉีดเข้าระบบเศรษฐกิจจึงไม่หายไปไหน แต่จะถูกหมุนไปอีกหลายรอบ ทำให้เกิดการบริโภคภายในประเทศต่อเนื่องไปเป็นลูกโซ่ ตลอดระยะเวลา 2 เดือน คนตัวเล็กๆ ที่เป็นเจ้าของกิจการ จะมีรายได้มากขึ้น จากเงินที่ถูกส่งผ่านโครงการ "เราชนะ" คนที่ไม่ได้ลงทะเบียนรับสิทธิ แต่มีกิจการเล็กๆ หรือขับแท็กซี่ ก็จะได้ประโยชน์ด้วย

รัฐบาลมั่นใจว่าระยะเวลา 2 เดือนจะเพียงพอ เพราะสถานการณ์การระบาดรอบใหม่ตอนนี้ดีขึ้นมาก เราควบคุมได้แล้ว ดูจากตัว R (Reproduction Number) คืออัตราการแพร่เชื้อของผู้ติดเชื้อแล้ว จากที่เคยสูงถึง 7 ต่อ 1 คือคนติดเชื้อ 1 คน แพร่เชื้อไปให้คนได้ 7 คน ตอนนี้ลดลงมาต่ำกว่า 1 ซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัย คือ 0.37 เท่านั้น

ผมมั่นใจว่าเราชนะแน่ ชนะการระบาดรอบใหม่ และชนะปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้าช่วง 2 เดือนต่อจากนี้"

เปิดที่มาโครงการเราชนะไม่แจกเงินสด

หลังจากนั้น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ โพสต์เฟสบุ๊ค วันที่ 21 มกราคม เวลา 08:02 น.ว่า

"แม้ไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้ “เราชนะ” ได้ มีคนเป็นห่วงว่าประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิในโครงการเราชนะตอนที่เราทำแผนกันทีมงานคิดละเอียดทุกเรื่องเพื่อไม่ให้คนที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือตกหล่นไป เราได้วางรูปแบบไว้แล้วว่าแม้จะไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้ “เราชนะ” ได้

ทั้งนี้เราดูจากผลสำรวจเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2562 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ว่าประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 56.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 89.6 ของประชากรที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เข้าถึงอินเทอร์เน็ตค่อนข้างสูงคือร้อยละ 96.4

สำหรับประเด็นนี้กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.8 ล้านคน ซึ่งไม่ต้องลงทะเบียนเราชนะ แต่จะได้รับเงินโอนเข้าบัตรโดยตรงคนที่อาจไม่มีบัตรสวัสดิการและไม่มีสมาร์ทโฟน เราก็ได้ประสานงานกับธนาคารของรัฐที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนกลุ่มนี้ลงทะเบียนได้ ซึ่งได้รับการยืนยันมาแล้วว่าทำได้

ทั้งนี้ก็เพราะเราได้วางรูปแบบให้มีเวลาลงทะเบียน 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม - 12 กุมภาพันธ์ ดังนั้นคนที่มีสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ เช่น ไม่เป็นข้าราชการ ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของพรบ.ประกันสังคม มีรายได้พึงประเมินไม่เกิน 3 แสนบาท ฯลฯ จะมีเวลาพอที่จะไปรับความช่วยเหลือในการลงทะเบียน

มีคำถามอีกว่าทำไมไม่จ่ายเงินเข้าบัญชี แล้วให้ถอนเป็นเงินสดได้จะได้ใช้จ่ายเงินได้ตามใจชอบ เรื่องแรกเลยคือเรากำลังอยู่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 การสัมผัสธนบัตรจึงเป็นเหตุที่อาจทำให้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ ไม่เพียงเท่านั้น เรายังคิดถึงเรื่องการลดความแออัดของประชาชนจำนวนมากที่จะไปต่อคิวกดเงินสดออกจากตู้ ATM ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุข

นอกจากนี้ เหตุผลสำคัญอีกประการก็คือ ความต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า และให้เงินหมุนเวียนอยู่ในชุมชนเพราะร้านค้าที่รับซื้อหรือรับบริการจะเป็นร้านเล็กๆ เรามีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือคนตัวเล็ก และให้เงินหมุนหลายรอบในระบบเพื่อช่วยเหลือการใช้เงินในชีวิตประจำวันของคนตัวเล็กให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

และครั้งนี้จะเปิดกว้างให้เป็นบริการทั่วไปได้ซึ่งรวมถึงมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ และอื่นๆ อีกมาก คนที่จะจ่ายค่าเช่าบ้านก็สามารถให้ผู้รับเงินเปิดแอพถุงเงิน เพื่อให้เราใช้เงินในแอพเป๋าตังจ่ายได้ หรือแม้แต่นำเงินสดที่ประหยัดได้จากการใช้วงเงินเราชนะ ที่นำไปใช้จ่ายในส่วนนั้นได้ สิ่งที่เป็นประโยชน์มากอีกอย่างก็คือ การสร้างสังคมไร้เงินสดซึ่งโครงการคนละครึ่งเริ่มต้นไว้ แล้ว “เราชนะ” ก็มาทำให้ต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลซึ่งอนาคตเราหนีเรื่องนี้ไม่พ้น

อย่างไรก็ดี ผมขอขอบคุณสำหรับคำถาม ข้อสงสัยต่างๆ ทำให้เรามองเห็นเรื่องที่อาจเป็นปัญหา หรือที่เราอาจมองข้ามไป เราจะได้นำมาปรับปรุงแก้ไข เพื่อที่ประเทศไทยจะเดินต่อได้ วันนี้พวกเราต้องร่วมมือกันครับ"

เปิดที่มาโครงการเราชนะไม่แจกเงินสด

ข่าวล่าสุด

นครชัยแอร์ ผนึก NEX ชิงดีลรถเมล์ไฟฟ้า ขสมก. 1,520 คัน มูลค่า 1.53 หมื่นล้าน