posttoday

บสย.เทแสนล้านอุ้มเอสอีเจอวิกฤตโควิดรอบใหม่

04 มกราคม 2564

บสย.เทแสนล้านอุ้มเอสอีเจอวิกฤตโควิดรอบใหม่ คาดช่วยเอสเอ็มอีได้ 4 หมื่นราย รายย่อยอีก 1 แสนราย

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโค-19 รอบใหม่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่ม บสย. ได้เร่งดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยมีการออกมาตรการช่วยผู้ประกอบการเปราะบาง สู้ภัย COVID-19 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่

1. โครงการ “บสย. SMEs ไทย สู้ภัยโควิด” ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี วงเงินค้ำประกันสินเชื่อรายละ 2 แสนบาท - 20 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำประกัน 10 ปี วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท โดย บสย.ชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ให้กับสถาบันการเงิน ( MAX CLAIM) สูงสุด 35%

2. โครงการ “บสย. รายย่อยไทย สู้ภัยโควิด” ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปี วงเงินค้ำประกันสินเชื่อต่อราย 1 หมื่นบาท – 1 แสนบาท ระยะเวลาค้ำประกัน 10 ปี วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท * MAX CLAIM สูงสุด 40%

“ทั้ง 2 โครงการถือเป็นโครงการเร่งด่วนที่จะเข้าไปช่วยผู้ประกอบการเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ตามประกาศพื้นที่เสี่ยงของ ศบค. โดย บสย. จะเปิดรับคำขอค้ำประกันสินเชื่อถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 นี้” ดร.รักษ์ กล่าว กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป จำนวน 4 โครงการ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี ระยะเวลาค้ำประกันสินเชื่อ 10 ปี คือ

1. โครงการ “บสย. SMEs ดีแน่นอน” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท -100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 20,000 ล้านบาท

2. โครงการ “บสย. SMEs บัญชีเดียว” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท -100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท

3. โครงการ “บสย. SMEs ที่ได้รับสินเชื่อหนังสือค้ำประกัน (LG)” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท - 100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 2,000 ล้านบาท

4. โครงการ “บสย. รายย่อย ทั่วไป” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 1 หมื่นบาท – 5 แสนบาท วงเงินจัดสรร 3,000 ล้านบาท

"ทั้ง 6 โครงการค้ำประกันสินเชื่อร่วมกับธนาคารพันธมิตรช่วยเหลือเร่งด่วน จัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 100,000 ล้านบาท ครอบคลุมกลุ่มผู้ประกอบการเปราะบางและผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป คาดว่าจะช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ 4 หมื่นราย และรายย่อยอีก 1 แสนราย" ดร.รักษ์ กล่าว

บสย.เทแสนล้านอุ้มเอสอีเจอวิกฤตโควิดรอบใหม่

ในด้านการดำเนินงานโครงการ “บสย. SMEs รายย่อยทั่วไป” ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุน ต้องพึ่งเงินทุนนอกระบบ จากการที่ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งในส่วนนี้ บสย. มีนโยบายส่งเสริมให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้ SMEs ลดการใช้เงินกู้นอกระบบ โดย บสย. ได้ขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย เป็น 500,000 บาทต่อราย และ รับความเสี่ยงค้ำประกันสินเชื่อเต็มจำนวน 100% เพื่อให้ บสย. เป็นเครื่องมือและกลไกสำคัญในการค้ำประกันสินเชื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บสย. ยังได้ร่วมค้ำประกันสินเชื่อในโครงการ Soft Loan Plus ของธนาคารแห่งประเทศไทย วงเงิน 55,000 ล้านบาท และโครงการ บสย. SMEs ไทยชนะ วงเงิน 5,000 ล้านบาท

ด้านสถาบันการเงินให้ความสนใจร่วมลงนามพร้อมปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs ทั้งกลุ่มเปราะบางและกลุ่ม SMEs ทั่วไป ประกอบด้วย โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs สร้างชาติ” (PGS9) จำนวน 7 ธนาคาร ได้แก่ 1. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) 3. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 4. ธนาคารออมสิน 5. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 6. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 7. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Micro ต้องชนะ” (Micro 4) จำนวน 7 ธนาคาร และ 1 ลิซซิ่ง ได้แก่ 1.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) 3.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 4.ธนาคารออมสิน 5.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 6. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 7.ธนาคารทิสโก้ 8.บริษัท ไฮเวย์ จำกัด

“บสย. และสถาบันการเงินพันธมิตรมีความห่วงใยและอยากช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ จึงเร่งจัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อให้ครอบคลุมมากที่สุดโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ขณะที่ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไปก็มีความต้องการ ยืด ลด หด และ ขยายหนี้ (DR) และมีผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ (TDR) ต้องการเติมเงินทุนใหม่ เพื่อพยุงธุรกิจ และต้องการหลุดพ้นปัญหาหนี้นอกระบบ โดยผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอรับบริการการค้ำประกันสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ดร.รักษ์ กล่าว