posttoday

"สมคิด"เร่งลงทุนรัฐวิสาหกิจแสนล้านหวังช่วยบาทอ่อน

15 มกราคม 2563

"สมคิด" สั่งรัฐวิสาหกิจเร่งลงทุนแสนล้าน ห้ามลดห้ามชะลอโครงการเด็ดขาด หวังช่วยค่าบาทอ่อนลดผลกระทบส่งออก

"สมคิด" สั่งรัฐวิสาหกิจเร่งลงทุนแสนล้าน ห้ามลดห้ามชะลอโครงการเด็ดขาด หวังช่วยค่าบาทอ่อนลดผลกระทบส่งออก

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานติดตามเร่งการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ โดยเชิญผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ 19 แห่ง รวมถึงผู้บริหารบริษัทในเครือเพื่อรับนโยบาย ในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และให้สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2563 ได้อย่างต่อเนื่อง

นายสมคิด เปิดเผยว่า การลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญและเป็นทางออกของประเทศ ที่จะประคองให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้แล้ว ยังช่วยทำให้ค่าเงินบาทอยู่ในภาวะที่เหมาะสม เพราะที่ผ่านมาการลงทุนในประเทศค่อนข้างนิ่งอยู่กับที่ โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชน ทำให้การลงทุนภาครัฐต้องเป็นตัวหลักสำคัญของเศรษฐกิจ ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2562 ที่งบประมาณ 2563 ยังใช้ไม่ได้การเบิกจ่ายงบลงทุนใหม่ทำไม่ได้ การลงทุนของรัฐวิสาหกิจจึงต้องเข้ามาช่วยทดแทน

"ได้ขอความร่วมมือจากรัฐวิสาหกิจ ดูว่างบลงทุนที่ตั้งไว้ ไม่จำเป็นห้ามปรับลดเป้าแต่ต้องเร่งให้เป็นไปตามเป้า โครงการอะไรเร่งได้ให้เร่งรัด อยากให้เร่งแผนลงทุนให้เร็วขึ้น คิดโครงการใหม่ๆ ขึ้นมา เพราะคลังกำลังคิดแนวทางการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กำลังเสนอเรื่องเพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงการใหม่ๆ เพื่อต้องการผลักดันให้การนลงทุนภาครัฐเป็นตัวนำเพื่อให้เอกชนลงทุนตาม ถ้าลงทุนรัฐช้า เอกชนจะขาดความมั่นใจ เมื่อการลงทุนเดิน ก็จะมีการนำเข้ามากขึ้น ค่าเงินบาทจะได้ผ่อนคลายมากขึ้น การลงทุนเป็นทางออกที่สำคัญ ฝากคลัง คมนาคม ตลอดปีนี้ต้องเร่งรัดการลงทุนให้เร็ว โดยรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ต้องนำ และประคองให้รัฐวิสาหกิจที่เหลือเร่งลงทุนตาม" นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า ไตรมาสแรกของปี 2563 คาดว่า การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจจะได้ถึง 1.1 แสนล้านบาท เป็นของรัฐวิสาหกิจ 4.5 หมื่นล้านบาท และบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจอีก 6.5 หมื่นล้านบาท จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้

สำหรับไตรมาส 4 ปี 2562 ที่ผ่านมามีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ได้ 7 แสนกว่าล้านบาท คิดเป็น 23% ของงบประมาณทั้งหมด เป็นงบประจำเกือบทั้งหมด เพราะงบลงทุนออกไม่ได้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ยังไม่ผ่านสภา แต่ไตรมาส 1 ปีนี้ คาดว่างบประมาณ 2563 ใช้ได้ จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณได้ถึง 1 ล้านล้านบาท หรือ 54% ของงบประมาณทั้งหมด และคาดว่าไตรมาส 3 งบรวมจะเบิกจ่ายได้ 70% ซึ่งตามกำหนดเวลาคาดว่าจะลงทุนได้ตามแผน

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ต้องเน้นเรื่องการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ที่มีตัวแทนอยู่ในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ติดตามใกล้ชิด ประสานงานในกรณีที่รัฐวิสาหกิจมีข้อติดขัดให้เร่งรายงาน พยายามทำให้เรื่องการเบิกจ่ายงบลงทุนเดินหน้าได้เร็ว ตั้งแต่ต้นทาง ไม่ต้องรอ

"ปีนี้เป็นปีแห่งการลงทุน รัฐบาลจะมีมาตรการต่าง ๆ ที่จะออกมาขับเคลื่อน พยายามติดตาม เร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามแผนงาน" นายอุตตม กล่าว

นอกจากนี้ ยังได้ให้ สคร. เร่งออกกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) หรือ TFFIF กองใหม่ให้ได้โดยเร็ว เพราะเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ และเป็นที่สนใจของนักลงทุน

ด้านนายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า การตั้งกองทุน TFFIF กองใหม่จะตั้งขึ้น อยู่ระหว่างการหารือกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย และกรมทางหลวง เพื่อนำโครงการที่มีรายได้มาจัดตั้งกองทุนเพื่อระดมทุนนำเงินไปลงทุนในโครงการใหม่ ซึ่งได้มีการเร่งหารือเพื่อให้การตั้งกองทุนใหม่ดำเนินการได้เร็วที่สุด

นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า ในปี 2563 รัฐวิสาหกิจ มีกรอบลงทุนรวมจำนวน 345,141 ล้านบาท โดยเป็นกรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณจำนวน 199,978 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินจำนวน 145,163 ล้านบาท โดยมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สำคัญ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย - จีน โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ของการรถไฟ แห่งประเทศไทย โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าบางปะกงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 1 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และโครงการแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้าฉบับที่ 12 ปี 2560 – 2564 ของการไฟฟ้านครหลวง