posttoday

หุ้น IT เริ่มปรับตัวลง เป็นการเริ่มต้นของ Stock Rotation หรือไม่?

14 กันยายน 2563

คอลัมน์ 10 เรื่องต้องรู้ สู่ความมั่งคั่ง โดย...นิษณากาญจน์ ภาษวัธน์ ธนาคารกสิกรไทย

1. หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้เกิดโอกาสมากมายในการลงทุน โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มบริษัทที่เรียกได้ว่าเป็น Winners ที่ได้รับประโยขน์โดยตรงจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้ ที่เหมือนเป็นตัวเร่งให้เทรนของโลก และการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ Work from Home การสั่งของออนไลน์ อย่าง E-commerce และ การรักษาสุขภาพ อย่างกลุ่ม Health Care

2. กลุ่มธุรกิจ IT คือผู้ที่ได้รับประโยขน์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีเก็บข้อมูลผ่าน Cloud การประชุมออนไลน์ เช่น Zoom เจ้าของแฟลตฟอร์มการประชุมออนไลน์ ที่ล่าสุดรายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่โตขึ้นแรงกว่า 355% ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานก็โตกว่า 458% ส่งผลให้ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีพุ่งขึ้นไปแล้วราว 415.7%

3. กลุ่ม Consumer Discretionary โดยเฉพาะ E-commerce อย่าง Amazon ที่ราคาหุ้นปรับขึ้น 70.5% ตั้งแต่ต้นปี โดยสามารถทำรายได้สูงขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วงการแพร่ระบาด นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจบริการจัดส่งอาหาร หรือ Food Delivery ก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น Meituan Dianping ที่ไตรมาส 2 ประกาศรายได้ที่เติบโตขึ้นถึง 51% ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา 130.8% ตั้งแต่ต้นปี

4. กลุ่ม Health Care โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตยาที่แข่งกันคิดค้นยารักษา และวัคซีนต้านโรคโควิด 19 ก็น่าสนใจ ไม่แพ้กัน หากพิจารณาผลตอบแทนของหุ้นกลุ่ม Health Care ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.2% แต่หากดูแค่ผลตอบแทนของหุ้นกลุ่ม Pharmaceuticals นั้นสามารถ outperform ได้ ยกตัวอย่างบริษัท Moderna ผู้ผลิตวัคซีนต้านโรคโควิด 19 ในชื่อ mRNA-1237 ซึ่งปัจจุบันทดลองและพัฒนาวัคซีนอยู่ในเฟสที่ 3 ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 177.8% ตั้งแต่ต้นปี แน่นอนว่าหากผู้คนทั่วโลกต้องใช้ยาเหล่านี้นั่นหมายถึงโอกาสทางการเติบโตของกำไรสุทธิที่สูงขนาดไหน

5. ต้องยอมรับว่าหุ้นกลุ่ม IT เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตสูงมานานตามคำนิยามของ “หุ้น Growth” ทำให้ความสำคัญของบริษัทกลุ่ม IT เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนจากสัดส่วนบริษัทกลุ่ม IT ที่คิดเป็น 38.5% ของดัชนี MSCI USA, 8.9% ของดัชนี MSCI Europe, 48.2% ของดัชนี MSCI China และ 13.5% ของดัชนี MSCI Japan ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด 19 จะช่วยยกระดับความสามารถในการเติบโตของบริษัทกลุ่ม IT ได้อีกมหาศาล

6. นอกจากนี้ กำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทกลุ่ม IT คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.5% ในปี 2020 ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิของดัชนี MSCI World คาดว่าจะหดตัวถึง 20.4% ดังนั้นในแง่ของความกังวลว่า Valuation หรือราคาหุ้นกลุ่ม IT ในปัจจุบันแพงไปแล้วหรือไม่ ด้วยกำไรสุทธิที่คาดว่าจะโดดเด่นกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่นจึงทำให้ PE Ratio เมื่อเทียบกับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2021 จะพบว่ากลุ่ม IT ซื้อขายอยู่ที่ 26 เท่า ซึ่งสูงจากระดับ 18.8 เท่าของดัชนี MSCI World ไม่มากนัก

7. แต่ล่าสุด ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นนำโดยกลุ่ม IT และ Consumer Discretionary ปรับตัวลงต่อเนื่อง เช่น หุ้น Tesla -26.2%, หุ้น Apple -14.1%, หุ้น DexCom -13.1%, หุ้น Microsoft -12.5% และหุ้น Alphabet -11.3% (ข้อมูล ณ วันที่ 2-8 กันยายน 2020) อันเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการแพร่ระบาดระลอก 2 ในยุโรปที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

8. ทั้งนี้ เรามองว่า การปรับฐานรอบนี้เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นหลังจากปรับตัวขึ้นมาแรงและนาน ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา นักลงทุนจึงมีการขายเพื่อทำกำไรบ้าง ซึ่งถือว่าเป็น Healthy Correction มากกว่าการเกิด Stock Rotation เข้าสู่หุ้นคุณค่า หรือ หุ้น Value ที่มักเป็นบริษัทปัจจัยพื้นฐานดี แต่ซื้อขายต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม เช่น กลุ่มอุตสาหกรรม และวัสดุก่อสร้าง ที่ outperform ในช่วงหลังๆ

9. อย่างไรก็ดี หากมองไปข้างหน้า ปัจจัยหนุนของกลุ่ม Winners ยังคงแข็งแกร่ง ด้วยสภาพแวดล้อมของดอกเบี้ยโลกที่ยังต่ำไปอีกนาน รวมถึงนโยบายการคลังที่ยังคงทยอยออกมาต่อเนื่องเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งยังเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth ที่เติบโตดีทั้งทางด้านบรรยากาศการลงทุน โมเมนตัม และกำไรสุทธิที่จะเติบโตขึ้นดี นอกจากนี้ New Normal เป็นเหมือนตัวเร่งให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปอย่างถาวรโดยพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น

10. ปัจจัยเสี่ยงหลักของหุ้นกลุ่ม Winners แน่นอนว่าจะมาจากนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโจ ไบเดน ที่มีคะแนนนำ เนื่องจากหลายนโยบาย ทั้งการขึ้นภาษีนิติบุคคล กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของบริษัท IT เจ้าใหญ่ๆ ไปจนถึงการจัดการกับราคายาที่แพงเกินไป ซึ่งเรายังมองว่าความเสี่ยงด้านการเมืองต่อหุ้นกลุ่มนี้ยังต่ำ เพราะ สหรัฐฯ เองก็ยังต้องพึ่งพาบริษัทเหล่านี้ในการต่อสู้สงครามเทคโนโลยีกับจีน

หุ้น IT เริ่มปรับตัวลง เป็นการเริ่มต้นของ Stock Rotation หรือไม่?