posttoday

ตลาดหุ้นกลับมาโฟกัสข่าวดีจากข้อตกลงการค้า

15 มกราคม 2563

คอลัมน์ Global Investment Advisory

คอลัมน์ Global Investment Advisory

เรื่อง ตลาดหุ้นกลับมาโฟกัสข่าวดีจากข้อตกลงการค้า

โดย คมศร ประกอบผล

หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU)
.............................................................................................

ตลาดหุ้นเริ่มต้นปีด้วยความผันผวนหลังจากสหรัฐฯ ใช้โดรนโจมตีเพื่อลอบสังหาร พลเอก Qasem Soleimani ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ซึ่งเป็นกองกำลังสำคัญในสังกัดของกองทัพพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านในวันที่ 3 ม.ค. โดยเบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว สหรัฐฯ อ้างว่าเป็นผลมาจากการที่ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force เตรียมวางแผนการโจมตีสถานทูตหรือฐานทัพสหรัฐฯ ทั้งในกรุงแบกแดดอีกหลายแห่งในภูมิภาค

การโจมตีดังกล่าวนั้นนับเป็นการยกระดับความรุนแรงของความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งได้สร้างความกังวลต่อตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณีที่การตอบโต้ของอิหร่านส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุปทานน้ำมันโลก และทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น โดยมีความเสี่ยงจาก 3 ช่องทาง ได้แก่

1) การโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรักอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมัน โดยอิรักเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับที่ 2 ในกลุ่มโอเปค ซึ่งผลิตน้ำมันประมาณ 4.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

2) อิหร่านอาจตอบโต้สหรัฐฯ โดยการปิดช่องแคบ Hormuz ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันดิบของโลกที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีการขนส่งน้ำมันดิบทางเรือผ่านช่องแคบดังกล่าวเป็นปริมาณ 21 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นกว่า 1 ใน 5 ของความต้องการน้ำมันดิบของโลก

3) อิหร่านอาจโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในซาอุฯ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งครั้งนั้นกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันของซาอุฯ ถึง 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ ราว 6% ของความต้องการน้ำมันดิบของโลก

โดยราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อภาคการบริโภค ซึ่งปัจจุบันเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ท่ามกลางความอ่อนแอของภาคการผลิตและการส่งออกที่ถูกกระทบจากสงครามการค้า รวมไปถึงการเพิ่มต้นทุนการผลิตและเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ทั้งนี้ อาจส่งผลให้ธนาคารกลางต้องกลับมาขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด และในกรณีที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นรุนแรงอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น

แต่แล้วความตึงเครียดดังกล่าวก็ได้กลับมาผ่อนคลายลง หลังการโจมตีตอบโต้ของอิหร่านในวันที่ 8 ม.ค. โดยการยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพสหรัฐฯ 2 แห่งในอิรัก ซึ่งไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการโจมตีดังกล่าว และรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิหร่านได้โพสข้อความผ่านทวิตเตอร์ ซึ่งมีใจความสำคัญว่า อิหร่านได้ตอบโต้การกระทำของสหรัฐฯ อย่างสาสมแล้ว และไม่ต้องการให้ความขัดแย้งยกระดับไปเป็นสงคราม

ในขณะที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงในคืนเดียวกันว่าไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการโจมตีของอิหร่าน ซึ่งอิหร่านได้แสดงท่าทีที่อ่อนลงหลังการโจมตี และต่อจากนี้สหรัฐฯ จะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโต้การโจมตีของอิหร่าน

ข้อความทวิตเตอร์ของรมต. ต่างประเทศอิหร่าน และแถลงการณ์ของทรัมป์ ที่ไม่ได้มีการกล่าวถึงการตอบโต้อิหร่านด้วยปฏิบัติการทางทหาร ส่งสัญญาณว่าทั้งสองฝ่ายต้องการควบคุมสถานการณ์และกำลังพยายามลดระดับความตึงเครียดลง ซึ่งนั่นก็เปรียบเสมือนการปิดฉากของความขัดแย้งในครั้งนี้ไปแล้วในสายตาของนักลงทุน

หลังจากประเด็นอิหร่านจบไป นักลงทุนก็น่าจะกลับมาโฟกัสกับข่าวดีจากสงครามการค้า และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วงต้นปีนี้ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ซึ่งรายงานล่าสุดเดือน ธ.ค. ระบุว่าภาคการผลิตของกลุ่มประเทศ Emerging Markets (EM) ได้เริ่มฟื้นตัวและกลับมาอยู่ในเกณ์ขยายตัว (สูงกว่า 50 จุด) หลังความการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีความชัดเจนขึ้น

โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของไต้หวันได้กลับเข้าสู่เกณฑ์ขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2018 ขณะที่ดัชนีของเกาหลีใต้ก็กลับสู่เกณฑ์ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ส่วนตัวเลขส่งออกของจีนก็กลับมาขยายตัวก็กลับมาขยายตัวถึง 7.6% ในเดือน ธ.ค. ซึ่งนับเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดในรอบ 9 เดือน ในขณะที่ค่าเงินหยวนก็แข็งค่าต่อเนื่องซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของตลาดต่อการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

บรรยากาศเชิงบวกจากข้อตกลงการค้า และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช่วยหนุนตลาดหุ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ปรับตัวน้อยกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปเป็นอย่างมากในปีที่แล้ว อย่างไรก็ดีเรายังคงแนะนำให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนอาจหันกลับไปโฟกัสที่ความเสี่ยงจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งอาจจุดชนวนให้ตลาดมีการปรับฐานอีกครั้งโดยเฉพาะในช่วงปลายไตรมาส 1