posttoday

เงาอำนาจ

16 ธันวาคม 2561

เกมการเมืองกลไกของอำนาจช่างสลับซับซ้อนยิ่งกว่าเล่นหมากรุก

โดย เพรงเทพ  

เกมการเมืองกลไกของอำนาจช่างสลับซับซ้อนยิ่งกว่าเล่นหมากรุก ซ่อนเงื่อนยิ่งกว่าเดินหมากล้อม มิคาดเดาได้ด้วยตาเนื้อที่มองเห็นแบบตรงๆ หรือคาดเดาตามการแสดงออกของบุคคลผู้กุมอำนาจตั้งแต่ยอดสูงสุดจนถึงเบี้ยล่างข้างกระดาน

จางอี้โหมว ยอดผู้กำกับชาวจีนที่กลับจากการร่วมงานกับฮอลลีวู้ดในภาพยนตร์ “The Great Wall” เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หวนมาหาปรัชญาของการขบคิดในการแย่งชิงอำนาจสูงสุดการปกครองและการเป็นผู้นำสูงสุดแห่งแผ่นดิน ในภาพยนตร์เรื่องล่าสุด “Shadow” (จอมคนกระบี่เงา)

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลม้าทองคำครั้งที่ 55 (Golden Horse Award and Film Fest 2018) ที่กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ถึง 12 สาขา และสามารถคว้ามาได้ 1 ใน 3 หรือ 4 รางวัล คือ ผู้กำกับยอดเยี่ยม กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม วิชวล เอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม และแต่งหน้า-ออกแบบเครื่อง
แต่งกายยอดเยี่ยม

เงาอำนาจ

ว่าไปแล้วธีมของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เป็นหัวใจหลักคือ “หยิน-หยาง” โดยใช้โทนสีขาว-ดำ โอบอุ้มบรรยากาศและอารมณ์ของเรื่องทั้งหมด แม้จะมีสีสันอื่นๆ แทรก แต่ก็มีแต่เลือดและความรุนแรงหากปรากฏออกมา

หยิน-หยาง เป็นสัญลักษณ์ประจำลัทธิเต๋า อันหมายถึง อำนาจที่มีบทบาทต่อกันของจักรวาล นักปราชญ์ชาวจีนเชื่อว่า หยิน-หยาง เป็นตัวแทนของพลังแห่งจักรวาล 2 ด้าน

กล่าวกันว่า เครื่องหมายหยินและหยางนี้พัฒนามาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของจักรวาล และปรากฏในฉากหลักของภาพยนตร์ ช่วงที่แม่ทัพตัวจริงผู้ทุพพลภาพกับเงาร่างตัวแทนฝึกวิทยายุทธ์บนพื้นที่เป็นสัญลักษณ์หยินหยาง และเป็นสัญญะของเรื่องที่ลึกซึ้งอย่างมาก ที่สะท้อนออกมาว่านี่คือ การฝืนธรรมชาติ เพราะตัวปลอมหรือเงาร่างแทนคือการหลอกด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลลวงที่ผิดธรรมชาติอันเป็นจริง ฝืนลิขิตสวรรค์

เมื่อมองให้ลึกซึ้งลงไป สีดำคือ หยิน หมายถึง ดวงจันทร์ เป็นตัวแทนของการเต็มใจ รับหรือยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำ เป็นพลังแห่งสตรีเพศ ความเยือกเย็น การหยุดนิ่ง การเคลื่อนลงต่ำ การเก็บรักษา การยับยั้ง

เงาอำนาจ

ส่วนสีขาวคือ หยาง หมายถึง ดวงอาทิตย์ อันเป็นสัญลักษณ์ของพลังแห่งบุรุษเพศ การเคลื่อนไหว ความกระตือรือร้น การเคลื่อนขึ้นไปด้านบน การเจริญเติบโต เจริญรุ่งเรือง ความร้อนแรง

ดังนั้น สัญลักษณ์หยิน-หยาง จึงแทนความสมดุลของพลังในจักรวาล

ประเด็นและตัวละครเอกของหนังคือ เงา (Shadow) ซึ่งเป็นตัวแทนของแม่ทัพที่ซ่อนลับอยู่ในจวนของตัวเอง เพื่อวางแผนในการแก้แค้นและยึดอำนาจโค่นราชบัลลังก์

“เงาจักต้องเคลื่อนไหวในความมืดมิดและเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าของเงา” การเคลื่อนไหวทั้งชีวิตของเขาถูกกำหนดจากแม่ทัพและภรรยาแม่ทัพ ในการเดินเกมที่จะต่อรองและเล่นลวงกับฮ่องเต้ที่ภายนอกดูอ่อนแอโลเลงี่เง่า บุคลิกสะโอดสะองแต่มีเล่ห์เหลี่ยมข้างในที่คาดไม่ถึง เพื่อรักษาบัลลังก์และอำนาจสูงสุดของแผ่นดินในฐานะโอรสสวรรค์ผู้ถูกเลือก

เงาอำนาจ

แน่นอน ฉากหลังในท้องเรื่องเป็นช่วงยุคมืดที่แผ่นดินจีนแยกเป็นสามก๊ก ต่างมีการช่วงชิงอำนาจด้วยกลยุทธ์ทุกอย่าง ชิงไหวชิงพริบหักกันทั้งศึกนอกและศึกใน ฮ่องเต้ เสนาอำมาตย์ และขุนศึกต่างใส่หน้ากากและถือดาบไว้ข้างหลังทั้งสิ้น โดยทุกคนอ้างถึงการทำเพื่อแผ่นดินและทวยราษฎร์ให้อยู่เย็นเป็นสุข

การเดินเรื่องค่อนข้างเป็นเส้นตรง แต่วางตัวละครและสถานการณ์ต่างๆ ไปทีละฉาก ค่อยแกะไปทีละเปลาะอย่างช้าๆ เหมือนกับการแกะกล่องที่ค่อยๆ เลาะจากเชือกที่มัดอยู่ แกะกระดาษห่อ ค่อยกรีดตัดกระดาษกาวที่ปิดทับ เปิดฝากล่อง แล้วล้วงของที่ห่อด้วยกระดาษหนาหุ้มอยู่อีกที ค่อยๆ แกะออกเพื่อให้เจอของที่อยู่ในกล่อง อารมณ์เล่าเรื่องของภาพยนตร์ก็จะอยู่ประมาณนี้ และฉากสุดท้ายเมื่อเจอของ ก็เป็นเรื่องนามธรรมปลายเปิดที่คนดูแต่ละคนต้องตีความกันเอาเองว่า เหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไรต่อ

นี่คือเสน่ห์ของวิธีเล่าเรื่องผ่านกลวิธีที่แยบคายของจางอี้โหมว ที่เข้มข้นและไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการค่อยๆ เลาะตะเข็บไปอย่างเนิบช้า ในอีกทางคือสัมผัสทางสายตาด้วยองค์ประกอบศิลป์ แสง สี เสียง และดนตรีที่ครบเครื่อง และครบครันด้วยพลังของการแสดงที่ให้ความสำคัญที่สูงมาก ทั้งสีหน้า แววตา อากัปกิริยาต่างๆ ล้วนมีความหมายและมีสัญญะซ่อนไว้ในทุกสิ่งที่รายรอบตัวหากแกะออกมา

แค่ฝนที่ตก อากาศที่ชื้นชุ่มฉ่ำ และท้องฟ้าที่หลัวหม่นของเมฆหมอก ซึ่งเป็นบรรยากาศหลักของเรื่องก็สื่อถึงสารที่บ่งบอกถึงสภาพการณ์ของบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี

เงาอำนาจ

การเลือกฉากและสถานที่ซึ่งสอดคล้องไปกับภาพบรรยากาศและอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างที่เป็นเอกภาพเดียวกัน นำเสนอในประเด็นที่หนักและคมลึกของอุดมการณ์และปรัชญาการเมืองการปกครอง ที่นำภาพอดีตทางประวัติศาสตร์มาขยายความให้เห็นเหตุการณ์หนึ่งที่สั่นสะเทือนไปทั้งจักรวาลได้

เช่นกัน “Shadow” (จอมคนกระบี่เงา) เมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติของอำนาจหยินและหยาง ที่ไม่มีวันจะเหมือนกันได้ แต่เมื่อทั้งสองรวมกันแล้วก็จะเกิดความสมดุล ความพอดี หากมีพลังหยินมากเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่างจะสงบนิ่งมากเกินไปจนดูกลายเป็นความเฉื่อยชา และถ้ามีพลังด้านหยางมากเกินไป ทุกสรรพสิ่งก็จะเปลี่ยนมาเป็นความก้าวร้าว ความรุนแรง ซึ่งจะทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นได้

หยาง นั้นเปรียบได้กับ ผู้ชาย ส่วนหยินนั้นเป็น หญิง หยางไม่อาจเติบโตขึ้นได้หากปราศจากหยิน และหยินเองก็ไม่อาจให้กำเนิดชีวิตใหม่ได้หากปราศจากหยาง โดยทั่วไปแล้วสัญลักษณ์หยิน-หยาง เป็นตัวแทนของปรากฏการณ์สวรรค์ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ ซึ่งประกอบไปด้วยการโคจรของดวงอาทิตย์ ฤดูกาลทั้ง 4

เพราะฉะนั้นเงาร่างตัวแทน (Shadow) จึงเป็น หยาง ที่เกินออกมาอีกหนึ่งเท่าตัว และสามารถทำลายกัดกินตัวจริงให้สูญสลายไปได้ในที่สุดเพื่อเข้าแทนที่ หาสมดุลของแผ่นดินและจักรวาลที่สงบสุข...