posttoday

นครินทร์ กิ่งศักดิ์ พระเอกคือเพลง...

18 กันยายน 2560

ป้าง-นครินทร์ กิ่งศักดิ์ เปิดใจถึงเส้นทางบนถนนดนตรีที่คร่ำหวอดมานานถึงครึ่งหนึ่งของชีวิต

 

“ผมทำงานเดียวมาตลอด ไม่ได้เล่นหนัง เล่นละคร ไม่ได้หล่อ ไม่มีหน้าตาให้ขาย อยู่ในวงการมา 25 ปี ก็เขียนเพลง ร้องเพลง คนยังร้องเพลงเราได้ ยังชื่นชอบแม้มันจะผ่านมาหลายปี นั่นเพราะเพลงมันแข็งแรง พระเอกที่สุดคือตัวเพลง เวลาร้องออกไปแล้วคนฟังเขาตอบโต้กลับมา นั่นคือพระเอก”

ป้าง-นครินทร์ กิ่งศักดิ์ ในวัย 50 ปี ได้เปิดใจถึงเส้นทางบนถนนดนตรีที่คร่ำหวอดมานานถึงครึ่งหนึ่งของชีวิต แม้จะมีช่วงที่ตกหลุม ถนนหนทางขรุขระ จากการก่อสร้างแนวทางใหม่ๆ หรือหลงไปยังทางเปลี่ยวบ้าง

หากเขาก็ยังแน่วแน่เลือกถนนดนตรีเป็นหมุดหมายของชีวิตต่อไปเรื่อยๆ และยิ่งเติบโต ยิ่งอยู่กับมันนาน ก็ไม่ได้เร่งรีบ ทว่าไปอย่างช้าๆ แต่มั่นคง และแวะเก็บชื่นชมความงามตามระยะทาง

ทุกบทเพลงมีความหมาย

เพลงฮิตของป้างมีหลายบทเพลง ซึ่งในกระบวนการทำงาน แม้ตอนลงมือเขียนเนื้อเพลงสักเพลงเขาจะบอกว่า ต้องรู้สึกกับมัน ถึงจะถ่ายทอดออกมาได้ ทว่ากว่าที่จะมีเรื่องหนึ่งเรื่องใดมากระทบความรู้สึกถึงขั้นต้องบันทึกเป็นบทเพลงนั้น ไม่ได้วาบขึ้นมาเสียทีเดียว (แม้จะมีเหตุการณ์เยี่ยงนั้นบ้าง)

เพราะในการดำเนินชีวิตทุกเมื่อเชื่อวัน การได้พูดคุยพบปะกับคนมากหน้าหลายตา นิสัยใจคอที่แตกต่าง เหตุการณ์ต่างๆ สิ่งแวดล้อมเหล่านี้ได้ถูกเก็บไว้ จนถึงวันที่ตกตะกอนและมีอะไรสะกิด ...ถึงจะเกิดเป็นบทเพลง

“ถึงจะผ่านอะไรมาเยอะ แต่พอเลือกที่จะมาเล่า ส่วนมากก็เป็นเรื่องของความรัก ผมคิดว่า บทเพลงกับความรัก มันเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย

ผมคิดเอาเองเล่นๆ คนมนุษย์ถ้ำเวลามีความรักเขาน่าจะฮัมเพลง บทเพลงท่วงทำนองน่าจะเกิดมาคู่กับความรัก แล้วสมมติมนุษย์ถ้ำถ้าเขาผิดหวังในความรักเขาจะฮัมเป็นเพลงแบบไหน ผมว่ายิ่งคนอกหัก ฟังเพลงรักมันยิ่งได้อารมณ์

เพลงของผมมีทั้งอกหักแบบปลายทางสว่าง และเพลงที่อกหักดำดิ่ง แต่ผมเชื่อว่า สุดท้ายจะมีความรู้สึกดีแฝงอยู่ อย่างคนชอบเพลงอกหักดำดิ่งเยอะ แสดงว่าต้องมีคนรู้สึกอกหักอย่างเราอยู่ อย่างน้อยๆ ไอ้คนเขียนเนื้อเพลงมันต้องรู้สึก เจอมาแบบนี้ถึงเขียนออกมาได้ เหตุการณ์ลึกๆ จะมีคนเข้าใจแบบนี้ เพลงนี้มีความดิ่งก็ดิ่งไปเถอะ”

ทุกคนเคยร้องไห้ ซิงเกิ้ลล่าสุดที่ป้างบอกว่า ขยี้ให้คนร้องไห้ก่อน แล้วค่อยปลอบให้เขาเข้าใจที่มาของเพลงนี้ก็มาจากหลายๆ คนที่ป้างได้มองดู ได้พูดคุย ทุกคนล้วนมีปัญหา มีความคับแค้นใจ มีสิ่งที่บอกใครไม่ได้ มีความอึดอัด แต่บางทีถ้าได้พูดมันออกมา ปลดปล่อยมันออกมา มันอาจช่วยคลี่คลายปมนั้นได้

“เพลงที่จะทำออกมาแล้วดัง หรือเพลงมันจะทำงาน ขึ้นอยู่ที่ว่าโจทย์เราคืออะไร อย่างเพลง คนมีเสน่ห์ โจทย์คืออยากให้รอยยิ้มกับคนมากที่สุด องค์ประกอบของเพลงต้องให้คนยิ้มได้เร็วที่สุดและยิ้มได้กับเรื่องง่ายที่สุด ไม่ต้องมาตีความเนื้อเพลงใหญ่โต

เพลงทุกคนเคยร้องไห้ ไม่ใช่เพลงที่เป็นโจทย์ แต่แต่งขึ้นมาตามอารมณ์ อยากสื่อสารอะไรก็เขียนออกมาเลย อารมณ์ตอนนั้นคือเห็นอยู่ทุกๆ วัน จากเพื่อนในเฟซบุ๊ก คนรอบๆ ข้าง สายตาเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ บางคนเขียนออกมาแบบมีนัย รู้สึกเขาไม่มีความสุขเลย

รูปทรงมันไม่ใช่เพลงฮิต ซึ่งจำนวนคนที่จะรู้สึกกับเพลงนี้ไม่มากเท่าเพลงคนมีเสน่ห์ หรือภูมิแพ้กรุงเทพ 2 เพลงนี้มันมีความเป็นแมสอยู่

จุดประสงค์เพลงทุกคนเคยร้องไห้ อยากให้เพลงนี้เป็นเพื่อนสนิทกับใครสักคนที่ชอบเก็บเรื่องราวไว้แล้วไม่ยอมพูดจากับใคร เป็นเพลงที่จะบีบคั้นอารมณ์ให้ใครคนหนึ่งร้องไห้ ระบายออกมา แล้วรู้สึกสบายใจขึ้นได้

เมสเซจของผมคืออยากให้กำลังใจ แต่ยั่วให้ร้องไห้ก่อน เพราะมีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เวลาคนเราร้องไห้แล้วจะรู้สึกดีขึ้น แล้วทุกคนเคยร้องไห้หมด ทุกคนมีเรื่องราวอะไรในใจ ทุกคนมีภาระของตัวเอง

การร้องไห้ก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนที่เราออกมาจากท้องแม่วันแรก การร้องไห้เป็นการบอกว่าเรารอด อยากให้การร้องไห้เป็นสัญลักษณ์แบบนั้นอีกครั้งดีกว่า ร้องไห้ซะแล้วก็สู้ต่อ อยากให้คนฟังเพลงของเราพอผ่อนคลาย แล้วมาสู้กันต่อไป”

 

นครินทร์ กิ่งศักดิ์ พระเอกคือเพลง...

 

50 ปี พรี-แซยิด

30 ก.ย.นี้ ป้าง นครินทร์ จะมีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้ง ณ อิมแพ็ค อารีน่า 50 ปี พรีแซยิด ป้าง นครินทร์ เพลงดังไม่ดัง จะได้ฟังกันคราวนี้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงโค้งสำคัญ

“เวลาจะจัดคอนเสิร์ต จะมีแฟนเพลงตัวจริงที่ติดตามมาตลอด และกลุ่มแฟนรุ่นใหม่ที่เคยดูคอนเสิร์ตเราแล้วอยากดูอีก คน 2 กลุ่มนี้จะเข้ามามีฟีดแบ็ก ซึ่งเราไม่เคยวางแผนว่ากี่ปีจะจัดคอนเสิร์ต มันเป็นจังหวะที่พร้อม รู้สึกอยากทำมันมากกว่า

50 ปี คืออายุ ยังไม่ถึงแซยิดแค่พรีเท่านั้น และก็ไม่ใช่ 50 ปีในวงการเพลงด้วย เลข 50 มันดูเป็นตัวเลขที่น่าทำอะไรสักอย่าง ก็มาในคอนเซ็ปต์ เพลงดังไม่ดัง จะได้ฟังก็คราวนี้ ผมยังมีอีกหลายเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่น เพลงฮิตก็ยังมีอยู่ แล้วจะมีเพลงที่ไม่เคยร้องที่คอนเสิร์ตไหน เพลงจาก (เทปคาสเซต) หน้าบี

ในเรื่องของเพลงมีความพร้อมเพราะมันเป็นเพลงของเราอยู่แล้ว ทุกวันนี้ เดือนหนึ่งยังมีงานทัวร์คอนเสิร์ตหลายครั้ง อาจไม่ต้องซ้อมแบบเคร่งเครียดมาก แต่เน้นเรื่องอารมณ์ในแต่ละเพลงมากกว่า และเรื่องพละกำลังก็ต้องเตรียมตัวมากกว่าเดิม 3 เท่า งดทัวร์คอนเสิร์ตในช่วงเดือนนี้ เพราะมีหลายเพลงต้องอัดพลังเยอะ ไม่เกี่ยวกับว่าเราเล่นพื้นที่ใหญ่ เล่นร้านเล็ก 100 คน ก็สาดพลังเท่ากับคนดูหมื่นคน ดังนั้นต้องเตรียมพลังเยอะหน่อย เพราะเพลงในลิสต์เยอะเหมือนกัน”

สำหรับแขกรับเชิญครั้งนี้แปลกแหวกไปจากเดิมมาก เรียกว่ามาสายฮา เพราะได้ตลกตัวพ่อจากรายการ บริษัทฮาไม่จำกัด ทั้ง แจ๊ส ชวนชื่น ค่อม ชวนชื่น บอล เชิญยิ้ม นุ้ย เชิญยิ้ม ตั๊ก บริบูรณ์ และโรเบิร์ต สายควัน มาเป็นแขกรับเชิญ

“ที่จริงผมมีมุมตลก หัวเราะง่าย แต่หลายคนอาจไม่รู้ นี่ก็จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่แฟนเพลงได้เห็นผมในอีกมุมหนึ่ง แขกรับเชิญผมเป็นคนเลือกเอง เพราะชอบดูรายการนี้มีคืนหนึ่งกลับมาจากเล่นคอนเสิร์ตแล้วเปิดเจอ ดูแล้วเขามีมุกที่โดนใจเรา ก็ไล่เปิดดูย้อนหลังทุกตอน กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ เขามีทีมเวิร์กที่ดี มีความเป็นกันเอง มีความสด มีความหลุด ผมว่าตลกเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจมาก การที่เขาสร้างรอยยิ้มให้คนมันช่วยอะไรได้เยอะ เวลาเหนื่อยมาจากเล่นคอนเสิร์ต ได้หัวเราะสักมุกสองมุก เหมือนสารเคมีในร่างกายถูกล้าง ตอนทางทีมงานเชิญทางนั้นยังไม่เชื่อเลยว่าเราจะชวนมา ทางทีมงานเองตอนผมบอกในห้องประชุมก็ยังถามว่า เอาจริงหรอ คือไม่มีใครรู้ไงว่าผมก็ตลกนะ ในการโชว์ไม่ได้มีสคริปต์อะไรมาก ก็คุยกันอยู่ ให้เขาดึงธรรมชาติของเขานั้นแหละมา เขาเล่นตลกเหมือนไม่ได้แสดง เหมือนเพื่อนกันอำกันจริงๆ ก็บอกว่าไป บนเวทีก็เล่นกับผมได้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจผม”

 

นครินทร์ กิ่งศักดิ์ พระเอกคือเพลง...

 

 

ไม่ต้องพิสูจน์อะไรแล้ว

25 ปี เป็นเวลาเท่ากับครึ่งหนึ่งของชีวิตป้าง นครินทร์ เริ่มตั้งแต่เป็นศิลปินวงไฮดร้า (2535)

"เคยเป็นเด็กที่อยากทำงานกับเสียงเพลงมาตั้งแต่ 10 ขวบ โชคดีที่หาตัวเองเจอ และทำตามฝันตัวเองมาตลอด เมื่อได้ทำงานดนตรี เราอยากทำเพลงด้วยตัวเองให้ได้เยอะที่สุด เพราะคิดว่า เราคงทำได้ดีไม่มากพอ ถ้ามีคนแต่งเพลง เราต้องมาแปลความหมาย พอความฝันเป็นจริงก็ดีมาก มีความสุขกับอาชีพนี้ พอประสบความสำเร็จ ก็มีช่วงอ่อนล้า มีช่วงวงการเพลงบ้านเราซบเซาสุดๆ ซึ่งมันผ่านมาแล้ว สุดท้ายแล้วพอเราแต่งเพลงที่ตรงใจเราจริงๆ เราจะสบายใจที่จะสื่อสาร ได้ทำงาน แล้วคนฟังเขาจะรู้สึกเอง สุดท้ายแล้ว ผมรู้สึกว่า ความเป็นธรรมชาติของคน ถ้าจะยึดทำอาชีพนี้ให้นานต้องไม่ตึงเครียด ทำเพลงแบบผ่อนคลาย ไม่คิดว่าเราคือร็อกสตาร์ อยู่ในวงการมันจะสอนเราเอง ชีวิตผ่านช่วงขาขึ้น ขาลง เจอมาหมดแล้ว

เมื่อก่อนมียึดติดแต่ไม่เยอะ ก็พยายามมีสติเตือนตัวเองตลอด เมื่อสิบปีก่อนมีเพลงชื่อ คนหน้าใหม่ อัลบั้ม เลี่ยมทอง ก็แต่งเตือนตัวเอง เวลาคนหน้าใหม่มา มันสดใหม่ ใครๆ ก็ไปต้องมองเขา เราซึ่งคนหน้าเก่าจะร้องไห้ คร่ำครวญอะไร ให้รับรู้ซะว่า เรื่องราวเหล่านี้เป็นธรรมชาติ เขียนเพื่อบอกตัวเอง ธรรมชาติมีขึ้นมีลง

ชีวิตเจอช่วงธุรกิจเพลงไทยดิ่งลงมากๆ ผลพวงมากระแทกเราก็มีเยอะ มันซบเซาทั้งรายได้ ทั้งจิตใจ เรารู้สึกซึมๆ เหมือนกัน แต่ไม่ได้ฟูมฟาย ไม่ใช่โงหัวไม่ขึ้น รู้สึกเศร้ากับมัน เป็นเพราะเราผ่านอะไรมาพอสมควร ถ้าอายุน้อยกว่านี้ก็อาจจะฟูมฟายกับมัน

ตอนนี้ 25 ปี ในวงการเพลง ค่อนข้างสบายตัว อยากทำอะไรให้เรียบง่าย พูดถึงเราอยู่ในจุดที่ไม่ต้องพิสูจน์อะไรแล้ว ก็สุนทรีย์กับสิ่งที่เราอยากทำมากที่สุด สบายๆ ไป”