แจงเยียวยาล็อกดาวน์แคมป์คนงานทุกกลุ่มทั่วถึง

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน โพสต์เฟสบุ๊ก ว่า

"ท่านนายกฯ และคณะที่ปรึกษาฯ แถลงมาตรการเยียวยานายจ้าง-ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากประกาศ ฉบับที่ 25 (ปิดแคมป์คนงาน ร้านอาหารงดนั่งในร้าน) ในช่วง 1 เดือน โดยครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด (กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ สมุทรสาคร, นครปฐม) ในกลุ่มก่อสร้าง, สถานบริการ, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม, กลุ่มศิลปะ บันเทิงและสันทนาการ โดยใช้งบประมาณ 7,500 ล้านบาท เป็นเงินประกันสังคม 3,500 ล้านบาท และจากรัฐบาล 4,000 ล้านบาท ลูกจ้าง-นายจ้างหรือเจ้าของกิจการจะได้รับเงินชดเชยตามรายละเอียดดังนี้

1. ลูกจ้างและนายจ้างในระบบประกันสังคม

ลูกจ้าง > สำนักงานประกันสังคมและกระทรวงแรงงานเยียวยาลูกจ้างในระบบประกันสังคมที่ได้รับผลกระทบ ด้วยการจ่ายค่าชดเชยการปิดกิจการด้วยเหตุสุดวิสัยในสัดส่วน 50% ของฐานเงินเดือน แต่ไม่เกิน 7,500 บาท และลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาลอีกรายละ 2,000 บาท

นายจ้าง > สำหรับนายจ้างหรือเจ้าของกิจการในระบบประกันสังคมจะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อหัวลูกจ้างของกิจการ แต่สูงสุดไม่เกิน 200 คน (กล่าวคือหากผู้ประกอบการมีลูกจ้าง 1 คนจะได้เงินชดเชย 3,000 บาท ถ้ามี 10 คน จะได้รับเงินค่าชดเชย 30,000 บาท แต่ต้องไม่เกิน 200 คน)

2. ลูกจ้างและนายจ้างที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมและต้องการได้รับความช่วยเหลือให้ไปขึ้นทะเบียนในระบบประกันสังคมภายใน 1 เดือน จึงจะได้รับสิทธิรับเงินช่วยเหลือเยียวยาดังนี้

ลูกจ้าง > จะได้รับเงินชดเชย 2,000 บาท ทั้งนี้ลูกจ้างไม่ได้รับเงินชดเชย 50% ของเงินเดือน เนื่องจากมีเงื่อนไขต้องจ่ายเงินสมทบประกันสังคมครบ 6 เดือนก่อน

นายจ้าง > ได้รับเงินชดเชย 3,000 บาทต่อหัวลูกจ้าง

3. สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนประกันสังคมเนื่องจากไม่มีลูกจ้าง สามารถลงทะเบียนในแอป “ถุงเงิน” ในหมวดร้านอาหารและเครื่องดื่ม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท

4. ท่านนายกฯ และคณะที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจขอความร่วมมือสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างให้ประสานงานกับสมาคมภัตตาคารไทยและร้านอาหาร เพื่อใช้บริการสั่งซื้ออาหารกล่องจากร้านอาหารรายย่อย สำหรับดูแลแรงงานภาคก่อสร้างราว 1 แสนคนที่ต้องกักตัวจากการปิดไซต์งานก่อสร้างในพื้นที่ต่างๆ

5. สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง” และ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ยืนยันว่าไม่เลื่อน และจะเปิดให้ใช้ตามกำหนดเดิม คือวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นอกจากนี้โครงการ “ภูเก็ต Sandbox” ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงปานกลางและความเสี่ยงต่ำในจังหวัดภูเก็ต จะยังคงเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 กรกฎาคมเช่นกัน