posttoday

ยานยนต์เกาะติดปัญหาชิปขาดแคลนกระทบไลน์ผลิตรถยนต์

24 มิถุนายน 2564

ส.อ.ท. ชี้ยานยนต์มีสัญญาณฟื้นตัวดี ลุ้นขยับเป้าส่งออก 8.5 แสนคันตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ยังหวั่นคลัสเตอร์โควิด ฉุดไลน์ผลิตรถยนต์ชะงัก

นายสุรพงษ์  ไพสิฐพัฒนพงษ์  รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนพฤษภาคม 2564 ว่า มีการผลิตรถยนต์รวมจำนวนทั้งสิ้น 140,168 คัน เพิ่มขึ้น 150.14 % ช่วงเดียวกันจากปีก่อน  เนื่องจากการส่งออกปีที่แล้วมีฐานต่ำจากการล็อกดาวน์ในเดือนเมษายนและห้ามจัดงานมอเตอร์โชว์ปลายเดือนมีนาคม ทำให้สต็อกรถยนต์ในโชว์รูมยังมีจำนวนมาก

ทั้งนี้ภาพรวมจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) มีจำนวนทั้งสิ้น 710,356 คัน เพิ่มขึ้น 32.92% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  

สำหรับการผลิตเพื่อส่งออก ในเดือนพฤษภาคม 2564 ผลิตได้ 81,284 คัน เท่ากับ57.99 % ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดียวกันของปีก่อน 126.01%  ส่วน 5 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ค.) ผลิตเพื่อส่งออกได้ 411,663 คัน คิดเป็น 57.95 % ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ระยะเวลาเดียวกัน 35.60%

อย่างไรก็ตามการส่งออกในเดือนพ.ค. รถยนต์นั่ง จำนวน 8,097 คัน เพิ่มขึ้น 116.34%  รถกระบะขนาด 1 ตัน 63,187 คัน เพิ่ม 128.94 %  โดย 5 เดือน(ม.ค.-พ.ค.) ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 390,467 คัน เพิ่มขึ้น 29.94 % จากปี 2563 มีมูลค่าการส่งออก 221,429.58 ล้านบาท

นายสุรพงษ์  กล่าวว่ากลุ่มยานยนต์ ยังติดตามปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์(ชิป) ที่จะมีผลกระทบกับการผลิตรถยนต์บางรุ่น จากการเกิดคลัสเตอร์ไวรัสโควิด-19รอบใหม่ในไทยหากไม่กระทบมาก ในเดือนหน้าอาจพิจารณาปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2564 ที่วางไว้จาก 1.5 ล้านคันเป็น 1.55-1.6 ล้านคันเนื่องจากพบว่าสัญญาณการส่งออกยานยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก

ปัจจุบันเป้าหมาย การผลิตรถยนต์ในปีนี้กำหนดไว้ที่ ทั้งปีจะอยู่ที่1.5 ล้านคัน แยกเป็น จำหน่ายในประเทศ 7.5 แสนคัน และส่งออก 7.5 แสนคัน  ซึ่งในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา การผลิตในประเทศน่าจะทำได้ตามเป้าหมายแต่การส่งออกมีโอกาสได้ ถึง 8-8.5 แสนคัน  เพราะจากตัวเลขส่งออกของประเทศ กลุ่มยานยนต์ก็เป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง  แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นห่วงในเรื่องปัญหาการขาดแคลนชิปว่าจะกระทบการผลิตรถบางรุ่นอีกหรือไม่รวมถึงการระบาดโควิดในประเทศว่าจะคุมได้มากน้อยเพียงใด