posttoday

บางจาก พลิกกำไร 2 พันล้าน ทำแฮททริคยอดขาย New High

12 พฤษภาคม 2564

บางจาก โชว์ไตรมาสแรก รายได้ 4.1 หมื่นล้าน ดันกำไรสุทธิ 2,284 ล้านบาท ชี้ยอดขายผ่านตลาดน้ำมันค้าปลีกเดือนมี.ค.ทำสถิติสูงสุด 390 ล้านลิตรต่อเดือน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกลุ่มบริษัทบางจากฯ ในไตรมาสแรกของปี 2564 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 41,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปีก่อน มี EBITDA 4,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มี Inventory Gain 2,473 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับการวางแผนทยอยเก็บสำรองน้ำมันดีเซลไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นทุนราคาน้ำมันต่ำ เพื่อนำมาจำหน่ายในช่วงที่โรงกลั่นหยุดซ่อมบำรุง ซึ่งมีกำไรจากการเก็บสำรองดังกล่าวกว่า 600 ล้านบาท โดยปัจจัยหนุนดังกล่าวช่วยลดผลกระทบของค่าการกลั่นพื้นฐานที่ยังอยู่ในระดับต่ำ จากการที่โรงกลั่นบางจากฯ หยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามวาระ (Major Turnaround) แม้ปริมาณการจำหน่ายรวมของธุรกิจการตลาดจะปรับลดลงเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่

อย่างไรก็ตามหลังจากที่การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย ประชาชนกลับมาเดินทางและใช้รถยนต์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดจำหน่ายผ่านตลาดค้าปลีกเดือนมีนาคม 2564 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 390 ล้านลิตรต่อเดือน และกลุ่มธุรกิจการตลาดสามารถผลักดันยอดขายน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูปได้อย่างต่อเนื่องโดยมียอดจำหน่าย 8.9 ล้านลิตร ในเดือนมีนาคมซึ่งถือเป็นยอด New high ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูปในประเทศของบริษัทฯ เพิ่มเป็นร้อยละ 11 จากร้อยละ 9 ในปีก่อนหน้า

บางจาก พลิกกำไร 2 พันล้าน ทำแฮททริคยอดขาย New High

นายชัยวัฒน์  กล่าวว่า  ในกลุ่มธุรกิจการตลาดผลการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และสูงกว่า 1,000% เมื่อเทียบกับปีก่อนเนื่องจากไตรมาสนี้มี Inventory Gain ถึงแม้ว่าปริมาณการจำหน่ายรวมของธุรกิจการตลาดปรับลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยตลาดอุตสาหกรรมยังคงได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเนื่องจากอุตสาหกรรมการบินที่ยังไม่ฟื้นตัวส่งผลให้การจำหน่ายน้ำมันเครื่องบินปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 83 เมื่อเทียบกับปีก่อน

ขณะที่ตลาดค้าปลีกได้รับผลกระทบไม่มากนัก ค่าการตลาดรวมสุทธิปรับลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถปรับราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการให้เหมาะสมกับต้นทุนน้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ B100 และผลิตภัณฑ์เอทานอลที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นตลอดทั้งไตรมาส

นอกจากนี้บริษัทฯยังคงมุ่งขยายธุรกิจ Non-Oil ในปีนี้ธุรกิจร้านกาแฟอินทนิลครบรอบ 15 ปี และตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน โดย ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2564 มีร้านกาแฟอินทนิลจำนวน 694 สาขา

ด้านกลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ผลการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสนี้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 140 ล้านบาท ทั้งนี้ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมปรับลดลงร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าใน สปป.ลาวปรับลดลง ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล (Seasonal Factor) ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ แต่เมื่อเทียบผลการดำเนินงาน YoY ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้น 40% จากการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ (กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 20 เมกะวัตต์) และการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ “Nam San 3B” (กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 45 เมกะวัตต์) อีกทั้งปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้น