posttoday

“สนั่น อังอุบลกุล” ขอ 99 วัน พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ชงแผนฉีดวัคซีน Buy 1 Give 1

29 มีนาคม 2564

"สนั่น"ขึ้นแท่นประธานหอการค้าคนที่ 25 ดันนโยบาย “Connect the Dots” ฟื้นเศรษฐกิจไทยใน 99 วัน อาสาฉีดวัคซีน Buy 1 Give 1 เปิดทางให้เอกชนฉีดวัคซีนให้พนักงานตัวเอง 1 โดส พร้อมจ่ายค่าฉีดให้ประชาชนอีก 1 โดส หวังเรียกความเชื่อมั่นในไตรมาส 2

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยคนใหม่ เปิดเผย ได้ประกาศนโยบายสำคัญของหอการค้าไทยที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ‘Connect the Dots’ ซึ่งหอการค้าจะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน โดยตั้งเป้าหมาย การฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใน 99 วันแรก เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่น แก้ปัญหาระยะสั้น ทั้งการจ้างงานและปัญหาผู้ประกอบการโดยเฉพาะ เอสเอ็มอี ขณะเดียวกันก็ปูรากฐานไปสู่การฟื้นตัวอย่างยั่งยืน แม้เศรษฐกิจไทยจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาอีกมากรออยู่

สำหรับภารกิจที่ต้องการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 99 วันแรกของการทำงาน คือ 1.เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ ซึ่งภาคเอกชนพร้อมจับมือภาครัฐ เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง ทั้งการขนส่ง การหาสถานที่ในการฉีด ตู้เย็นการจัดเก็บวัคซีน การช่วยประชาสัมพันธ์ จัดหาบุคคลกรให้เพียงพอ รวมถึงบริษัทที่มีความพร้อม โดยเสนอแนวทาง Buy 1 Give 1 ซึ่งเป็นการที่ฉีดวัคซีนให้พนักงานตัวเอง 1 โดส แล้วพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนให้ฉีดแก่ประชาชน อีก 1 โดส เป็นต้น

"ตอนนี้ได้คุยกับหลายบริษัทแล้วมีความพร้อมกับแนวทางนี้ ถ้าทำได้จะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น การฉีดวัคซีนแบบ ซื้อ1 แถม1 จะเป็นประโยชน์ หากทำได้เร็ เพราะตอนนี้ไทยช้ามากในเรื่องการฉีดวัคซีน ตัวเลขล่าสุด คนไทยได้รับวัคซีนไปแล้ว 1.36 แสนโดส คิดเป็น 0.2% ของประชากรทั้งหมด หลังจากนี้คงต้องหารือกับภาครัฐในเรื่องการจัดหาวัคซีน เพราะเอกชนไม่มีสิทธิ์นำเข้าวัคซีนได้เอง"

2.เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ด้วย Digital Transformation เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยจะสนับสนุนโครงการใหม่เพื่อเสริมสภาพคล่องและช่องทางการค้าขายให้กับเอสเอ็มอี เป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่กับธนาคารพาณิชย์ ขณะเดียวกัน จะกระตุ้นให้ใช้สินค้าไทยและการท่องเที่ยว ผ่านโครงการ “ฮักไทย” (Hug Thais) โดยสนับสนุนให้ใช้ของไทย กินของไทย และเที่ยวเมืองไทย โดยหอการค้าไทยขานรับแผนเปิดภูเก็ตของรัฐบาลในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เปิดโครงการ “Hug Thais Hug Phuket” เพื่อเป็นต้นแบบให้นักท่องเที่ยว และ นักธุรกิจต่างชาติมาเที่ยวและทำงานในจังหวัดภูเก็ต โดยเสนอให้อยู่ในภูเก็ตแบบ Long Stay และ Work from Phuket และ รับสิทธิพิเศษเพิ่มจากร้านค้า และ บริการต่างๆเพียงแสดง Vaccine Passport

นอกจากนั้นยังสนับสนุนให้ภาครัฐและบริษัทเอกชนต่างๆ ใช้สินค้า “ฮักไทย” และ เสนอภาครัฐให้รวมสินค้าฮักไทยเข้าในระบบจัดซื้อจัดจ้าง ตลอดจนยกระดับโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ให้เป็น “ยิ่งใช้ยิ่งได้คืน” โดยให้ลดหย่อนภาษีได้ถึง 100,000 บาท (จากเดิม 30,000 บาท) พร้อมกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่องภายใต้มาตรฐานการค้าที่เป็นธรรมเกิดการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการพัฒนาภาคการค้าและบริการ โดยเฉพาะทางด้าน Ecommerce เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทย

3.แก้ไขกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้สะดวก (Ease of Doing Business) เพื่อช่วยให้ ผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอีสามารถดำเนินธุรกิจได้สะดวก จากการที่ หอการค้าไทยได้มีส่วนร่วมในการเป็นคณะกรรมการปฏิรูปเศรษฐกิจร่วมกับรัฐบาล ได้จัดลำดับทั้งโครงการและกฎหมายที่จะแก้ไขเร่งด่วนแล้ว เพื่อให้ประเทศไทยได้มีการปรับโครงสร้างเพื่อการเติบโตในอนาคต

นายสนั่น กล่าวว่า มั่นใจประเทศไทยจะสามารถบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ข้อได้ ภายใน 99 วัน โดย หอการค้าไทยจะนำแนวทางการทำงาน แบบ Connect the dots เชื่อมคนที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน ทำงานแบบวัดผลได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย สร้างความเชื่อมั่น ร่วมกันสร้างสรรค์ และช่วยกันผลักดัน ให้ภารกิจที่วางไว้สามารถสำเร็จได้

อย่างไรก็ตามจะเปิดรับฟังความเห็นคนรุ่นใหม่เปิดรายการ Clubhouse ของคนการค้า ในวันอังคารที่ 30 มี.ค. นี้ เวลา 20.00 ในหัวข้อ รวมพล “คนรุ่นใหม่” ร่วมหอการค้าไทยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า นโยบายการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ 99 วัน โดยเฉพาะในประเด็นการกระจายฉีดวัคซีน แคมเปญ Buy 1 Give 1 ถ้าทำให้การฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นจะช่วยเรียกความเชื่อมั่น เกิดขึ้นได้ในไตรมาส 2 เมื่อพิจารณากับมาตรการคนละครึ่งเฟส3 และคนละครึ่งด้านท่องเที่ยว จะยิ่งทำให้เกิดสภาพคล่อง มีการใช้จ่ายมากขึ้ ซึ่งท้ายสุดจะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเป็นบวกได้เร็วในไตรมาาส 2 จากเดิมคาดการณ์ไว้ในไตรมาส 3 โดยจีดีพีจะอยู่ที่ 3% หรืออยู่ในกรอบการขยายตัว 3-3.5%