คาร์โร ลงทุน 100 ล. ขยายแพล็คฟอร์มรถยนต์มือสอง เจาะตลาดไทย

นายมานิต โกการ์ ผู้จัดการสาขาประเทศไทย บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด สตาร์ทอัพผู้ให้บริการแพล็ตฟอร์มออนไลน์จำหน่ายรถยนต์มือสอง ประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า บริษัทเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 3 ปี แม้ในช่วงที่ผ่านมามีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ทุกธุรกิจต่างได้รับผลกระทบทุกส่วนทั่วโลก แต่ภาพรวมของ CARRO ทั้งในสาขาต่างประเทศและประเทศไทยเอง ยังมีรายได้ดีเกินคาดจากที่ประเมินไว้ จากปัจจัย ผู้บริโภคยังจำเป็นต้องใช้เงินสด ทำให้ คาร์โร เป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกๆ ที่ผู้บริโภคหันมาใช้บริการซื้อขาย

จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้บริษัท วางแผนขยายธุรกิจเพิ่มในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้ โดยทำการแบ่งแฟลตฟอร์ม การซื้อ – ขายรถยนต์มือสองไว้ 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มที่ 1 Website : CARRO Express บริการสำหรับลูกค้าบ้านทั่วไปต้องการขายรถด่วน , กลุ่มที่ 2 CARRO Wholesale application เป็นช่องทางการซื้อและขายผ่านการประมูลตลอดทั้งวัน , กลุ่มที่ 3 Partnership team การจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่ต้องการขายรถจากโชว์รูม รถองค์กร หรือ รถตัดทั่วประเทศ และ กลุ่มที่ 4 ตลาดรถ ซึ่งเป็นช่องทางอีกทางหนึ่งที่ช่วยดีลเลอร์ขายรถในระบบออนไลน์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

โดยทั้ง 4 ช่องทางของคาร์โร มีความครอบคลุมและครบวงจรที่สุดในประเทศไทย และยังเติบโตท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ โดยได้ขยายทีมงานเพิ่มสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในสถานการณ์ในขณะนี้ ปัจจุบันคาร์โร มีสาขาอยู่ 4 ประเทศ คือ สิงคโปร์ (สำนักงานใหญ่) อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศไทย

ทั้งนี้ คาร์โร ถือเป็นตลาดค้าส่งยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้ความเชื่อมั่นจากกลุ่มนักลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นอย่างมาก ล่าสุดบริษัทยังได้รับเงินลงทุนเพิ่มอีก 110 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยในครึ่งปีหลังนี้ จะมุ่งเน้นและพัฒนาการให้บริการการซื้อและขายรถมือสองในรูปแบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขายรถให้กับลูกค้าของ คาร์โร (CARRO) ทั่วประเทศไทย

ปัจจุบัน คาร์โร มีส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับ หนึ่งใน 3 ของวงการซื้อขายรถยนต์มือสองในประเทศไทย โดยในปี 2563 นี้ วางเป้าหมายสร้างรายได้ให้โตขึ้นจากช่วงที่ผ่านมากว่า 4 เท่าตัว

นางสาวฐปณีย์ จ๋วงพานิช ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และพาร์ทเนอร์ชิพ บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าสำหรับแผนการตลาดโค้งสุดท้ายปี 63 นี้ บริษัทร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจมากกว่า 14 ราย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับดีเลอร์รายเดิม รวมถึงลูกค้ารายอื่นๆ ที่เข้ามาซื้อ – ขายรถ กับคารโร โดยครึ่งปีหลังนี้ จะเน้นการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสองอีกทางเพิ่มมากยิ่งขึ้น

"คาร์โร ได้เพิ่มธุรกิจที่ตอบสนองให้คนที่สนใจอยากได้รถมือสองมาซื้อกับเราในนาม CARRO Automall และดีลเลอร์คุณภาพของเรา และเน้นเพิ่มกลุ่มพันธมิตรในแบรนด์รถยนต์มือหนึ่ง เช่น BMW Thailand ที่เข้ามาเป็นหนึ่งในพันธมิตรของบริษัทอีกด้วย” นางสาวฐปณีย์ กล่าว

นายมานิต โกการ์ กล่าวเสริมตอนท้ายว่า “เป้าหมายของ CARRO ประเทศไทย ในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า เราคาดหวังที่จะเติบโตไปติด Top 3 วงการตลาดรถมือสองออนไลน์ในรูปแบบครบวงจรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะพัฒนาวงการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองให้เป็นไปอย่างมั่นคงและดีขึ้น เพราะ ณ ปัจจุบันเราพอใจและดีใจมากกับความเชื่อมั่นและการเติบโตที่ได้รับกระแสที่ดีมากๆ จากประเทศไทย ไม่ว่าสถานการณ์ในภายภาคหน้าจะเป็นแบบไหน CARRO ก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างทุกคน เพราะเรายังเชื่อมั่นว่า เราคือช่องทางการซื้อและขายรถยนต์มือสองที่ดีกว่าเดิม ที่จะทำให้ทุกคนพอใจและได้รับรอยยิ้มกลับไป เมื่อใช้บริการกับเรา”