posttoday

เศรษฐกิจดิ่งจริง สภาพัฒน์คาดทั้งปีติดลบ5-6%

18 พฤษภาคม 2563

สภาพัฒน์ประกาศเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกติดลบ 1.8% ทั้งปีดิ่งลบ 5-6%

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ฯ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2563 ขยายตัวติดลบ 1.8%

สำหรับการเศรษฐกิจปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวติดลบ 5-6% มีค่ากลางอยู่ที่ลบ 5.5% อยู่ภายเงื่อนไขโดยโควิดระบาดไม่เกินไตรมาส 2 ปีนี้ การผ่อนคลายไตรมาสเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาส 2 และการท่องเที่ยวกลับมาได้ปลายปีนี้ เมื่อเทียบกับคาดการณ์ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.พ. 2563 คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.5-2.5%

"หากปัจจัยเปลี่ยนไปจากนี้ อาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยลบมากหรือน้อยกว่านี้ได้" นายทศพร กล่าว

ทั้งนี้สาเหตุจากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 มีผลกระทบกับเศรษฐกิจรุนแรง ด้านการท่องเที่ยวลดลงมาก การใช้จ่ายภาครัฐล่าช้าขยายตัวติดลบ และการลงทุนภาคเอกชนก็ขยายตัวติดลบเช่นกัน มีการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้แต่ขยายตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า

นายทศพร กล่าวถึงการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 63 ควรให้ความสำคัญกับ การประสานนโยบายการเงินการคลังเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจในช่วงการลดลงอย่างรุนแรงของรายได้จากการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก รวมทั้งเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการลดลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเพื่อสร้างความมั่นใจว่าภาคธุรกิจมีความพร้อมในการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังการระบาดของโรคโควิด-19 และเงื่อนไขข้อจำกัดต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจผ่อนคลายลง

การผ่อนคลายมาตรการปิดสถานที่และข้อจำกัดการเดินทางควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรัดกุม และดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนให้พฤติกรรมในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประชาชนและภาคธุรกิจสามารถปรับตัวเข้าสู่ระดับใกล้เคียงภาวะปกติ รวมทั้งสามารถปรับตัวสอดคล้องกับมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดของภาครัฐ และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและรูปแบบการประกอบธุรกิจที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด-19

การให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้าเพื่อไม่ให้การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงรุนแรงมากเกินไป รวมทั้งเพื่อช่วยลดผลกระทบจากการลดลงของรายได้จากการท่องเที่ยว โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้าในช่วงที่ผ่านมาและได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในต่างประเทศ ซึ่งทำให้ความต้องการสินค้าบางรายการปรับตัวเพิ่มขึ้น

การเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้กรอบต่าง ๆ ของภาครัฐ ประกอบด้วย การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63 ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 90.2% ของวงเงินงบประมาณ โดยเบิกจ่ายรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 99.0% และ 55.0% ตามลำดับ, การเบิกจ่ายงบประมาณเหลื่อมปีไม่ต่ำกว่า 90.0%, การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจไม่ต่ำกว่า 75.0% และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้กรอบพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

การขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมฯ ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนการสร้างศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจระยะยาวภายใต้กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีและกรอบงบลงทุนรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง

การเตรียมการรองรับความเสี่ยงสำคัญ ๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีและในระยะปานกลาง