คุยกับ "เพชร โอสถานุเคราะห์"CEO โอสถสภา ในวันที่โลกกำลังเคลื่อนสู่ "NEW NORM"

ล่าสุด "เพชร โอสถานุเคราะห์" ประธานคณะกรรมการบริหาร และ CEO บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ตอบรับจดหมายเปิดผนึดของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ส่งถึง 20 มหาเศรษฐีไทย เพื่อขอความร่วมมือกับรัฐบาลแก้ “โควิด-19”

พร้อมบอกเล่าโครงการของบริษัท ที่เตรียมออกมาร่วมภาระกิจกู้วิกฤตประเทศไทย และมองถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้ หลังสถานการณ์ในครั้งนี้ คลี่คลาย

องค์กร ปรับใช้กลยุทธ์ใหม่ ทำธุรกิจ "เร็ว-กระชับ"

เพชร กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น มีความเกี่ยวเนื่องกับชีวิตและสุขภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและเป็นปัจจัยพื้นฐานของทุกอย่าง ที่ส่งผลกระทบในทุกภาคส่วน ทุกประเทศในโลก และประชากรในทุกระดับ

ขณะที่ภาคธุรกิจนั้น การรับมือกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ต่างจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวิกฤตการณ์ด้านการเงินและเศรษฐกิจ

การรับมือครั้งนี้ ต้องใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ ที่อาจไม่เคยใช้มาก่อน โดยสิ่งสำคัญคือต้องเร็วมีขั้นตอนการทำงานที่กระชับ เพื่อปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ทัน

แต่เมื่อพิจารณาจากสถิติการระบาดทั่วโลกแล้ว ต้องชื่นชมภาครัฐ หน่วยงานสาธารณสุข ตลอดจนภาคธุรกิจต่างๆ ของประเทศไทยที่ให้ความร่วมมือในการป้องกัน ยับยั้ง และลดการระบาดเป็นอย่างดี แม้หลายธุรกิจจะต้องเจ็บตัว

แต่การที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันในครั้งนี้ ทำให้ยอดผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตในประเทศไทยไม่พุ่งสูงเหมือนในหลายประเทศ วิกฤตการณ์ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เราได้เห็นความรักความสามัคคีของคนไทยที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน และฝ่าฟันไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเผชิญกับวิกฤตการณ์ใดๆ

"โควิด-19" ตัวเร่ง โอกาส-ความท้าทายใหม่

สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ทั้งแนวทางการใช้ชีวิต การทำงาน และการจับจ่ายใช้สอย

โควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ หลายประการ และถึงแม้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในอนาคต แต่ New Normal จะทำให้ธุรกิจบนโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจที่เคยโดดเด่นจะเปลี่ยนไป เกิดธุรกิจใหม่ๆ และธุรกิจต่างๆ ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่

สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมคือ ในทุกวิกฤตจะมีโอกาสซ่อนอยู่ โอสถสภาดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 129 ปี ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย สะสมองค์ความรู้มายาวนานกว่าศตวรรษ และยืนหยัดอย่างมั่นคงในวันนี้

ทุกเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญล้วนมีโอกาสซ่อนอยู่ การต่อสู้กับโควิด-19 ครั้งนี้ เหมือนเป็นโอกาสให้เราได้ทดสอบประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เป็นโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อผู้บริโภค เป็นโอกาสที่พนักงานได้ค้นพบและใช้ศักยภาพที่ซ่อนเร้น

และที่สำคัญ เป็นโอกาสในการสร้างความเข้มแข็งให้องค์กร โอกาสที่จะได้เห็นการรวมพลังของทุกๆ ฝ่าย ซึ่งเมื่อก้าวข้ามวิกฤตในครั้งนี้ได้อีกครั้ง ประเทศไทยและองค์กรต่างๆจะสามารถยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งและเข้มแข็งกว่าเดิม

โอสถฯ ยังไปได้ต่อ จากสถานการณ์ นี้สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อปริมาณเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศไทย ความไม่แน่นอนส่งผลให้มีการจับจ่ายใช้สอยลดลง การบริโภคที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อหลากหลายธุรกิจ รวมถึงโอสถสภา

แต่เนื่องจากโอสถสภา มีสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิดเป็นของที่ผู้บริโภคต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย จึงถือว่าเป็นข้อได้เปรียบในสถานการณ์นี้

จากการที่บริษัทสามารถปรับรูปแบบการทำงานและกระบวนการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว การระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ จึงช่วยสร้างโอกาสให้แก่ธุรกิจ เช่น การออกผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ล้างมือใหม่ภายใต้แบรนด์โอเล่และเบบี้มายด์ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จำหน่ายหมดในเวลาอันรวดเร็ว การสร้างportfolio ของสินค้ากลุ่มดูแลสุขภาพ เช่น ซี-วิต เปปทีน โกลด์

การเติบโตอย่างรวดเร็วของช่องทาง E-commerce และการขับเคลื่อน digitalizationได้รวดเร็วขึ้น

วางแผนบริหารเสี่ยง ล่วงหน้ารับมือ โควิด-19

ต่อเรื่องนี้ เพชร บอกว่าทีมผู้บริหารได้ให้ความสำคัญกับการระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่แรกๆ จึงได้เตรียมแผนรับมือกับการระบาดล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการระบาดรุนแรง ทั้งด้านการผลิต ซัพพลายเชน และการจัดส่งสินค้าไปยังตัวแทนจำหน่าย จึงทำให้สามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง

ถือเป็นการคาดการณ์และเตรียมแผนรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยไม่หยุดชะงัก แม้ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ

ในส่วนของการดำเนินงานนั้น พนักงานได้เพิ่มความรู้และทักษะในหลายด้าน เป็นผลมาจากการปรับวิธีการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งรวมถึงการ Work from Home การใช้เทคโนโลยีในการทำงานมากขึ้น และการเรียนรู้ผ่านระบบ E-Learning ที่บริษัทจัดเตรียมให้

การดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่สะดุด ในระหว่างที่ต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 นี้ เป็นการตอกย้ำว่านโยบายหลายๆ ด้านของโอสถสภา เดินมาถูกทางแล้วไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านนวัตกรรม การส่งเสริม Agile การเน้นทำการตลาดในรูปแบบ Brand Portfolio ซึ่งช่วยตอบความต้องการได้หลากหลายกลุ่ม

เดินหน้าแคมเปญใหญ่ ช่วยเหลือคนไทย-สังคมไทย

เนื่องจากไวรัสโควิด-19 มีการระบาดอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบในวงกว้าง การให้การสนับสนุนช่วยเหลือจึงต้องครอบคลุมในหลากหลายมิติ ทั้งด้านการป้องกัน การรักษา และการสร้างขวัญกำลังใจ

โดยโอสถสภาได้กระจายการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ทั้ง1. ด้านการป้องกัน โดยส่งทัพเอ็ม-150 พร้อมผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาทลงพื้นที่ลุยภารกิจต่อสู้โควิด-19 ทั้งการร่วมภารกิจ Big Cleaning ร่วมกับทหารบก จิตอาสาพระราชทาน และเจ้าหน้าที่ กทม. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในพื้นที่สาธารณะต่างๆ ในกรุงเทพฯ

และมอบถังแช่เย็นพร้อมผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มให้จุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ทั้ง 19 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

2. ด้านการรักษา ส่งมอบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและสเปรย์แอลกอฮอล์ รวมมูลค่ากว่า 20ล้านบาทให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ทุกวันเป็นระยะเวลา 3 เดือน

โดยทีมวิศวกรของโอสถสภาได้ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลและสถาบันการศึกษาในการออกแบบและผลิตอุปกรณ์การแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ได้แก่ ตู้ความดันลบ ตู้คัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 สำเร็จรูป และแคปซูลแรงดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เพื่อมอบให้แก่โรงพยาบาลในจังหวัดกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี

3. ด้านการสร้างกำลังใจ โดยเป็นสื่อกลางส่งพลังและกำลังใจจากประชาชนคนไทยไปถึงบุคลากร ทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างทุ่มเทเสียสละ ผ่านแคมเปญ “แต้มเอ็มสู้โควิด-19 คุณให้แต้ม เราบริจาคเงินเพื่อโรงพยาบาลทั่วไทย” ของแบรนด์เอ็ม-150

4. ด้านการฟื้นฟูเยียวยา เข้าร่วมจุดแจกอาหาร สิ่งของ เครื่องดื่ม ของทางสำนักงานกรุงเทพมหานคร

ทุกบรรทัดฉายวิสัยทัศน์ ของ "เพชร" ซีอีโอ บริษัทโอสถสภา ที่เตรียมการณ์ไว้ เพื่อรับมือและฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปพร้อมกับคนไทยทุกคน

ดวงใจ จิตต์มงคล เรียบเรียง