posttoday

หวั่นซอฟท์โลนไม่ถึงเอสเอ็มอีที่เดือดร้อนจริง

20 เมษายน 2563

สภาอุตฯ กลัวซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาท ของธปท. ไม่ถึงเอสเอ็มอีที่เดือดร้อนจริง

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้เสนอที่ประชุมคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา? 2019 ที่มีนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธาน เรื่องปัญหาการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยังเข้าไม่ถึงซอฟท์โลนของธนาคารออมสิน 1.5 แสนล้านบาท และกลัวเข้าไม่ถึงซอฟท์โลนของ ธปท. ที่ออก พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาท อีกด้วย

"ตอนนี้ที่กังวลมากที่สุด คือ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับความเดือนร้อนจริงๆ จะไม่ได้รับเงินกู้ซอฟท์โลน์ของ ธปท. ที่ออก พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาท เพราะเกรงว่าธนาคารพาณิชย์จะให้กับลูกค้าของธนาคารเป็นหลักก่อน ทั้งๆ ที่ผู้ประกอบการนั้นได้รับความเดือนร้อนน้อยกว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายอื่นๆ" นายสุพันธุ์ กล่าว

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ข้อเสนออื่นที่ให้ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ก็ยังต้องหารือกับกับหน่วยงานอื่น ยังไม่สามารถเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา หรือ เห็นชอบได้ โดยในฐานะที่ดูแลกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้เสนอมาตรการต่างให้คณะที่ปรึกษา?ด้านธุรกิจ?ภาคเอกชนฯ ประกอบด้วย

1. ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มลดเงินนำส่งประกันสังคมจาก 4% เหลือ 1% เป็นเวลา 180 วัน หรือ 6 เดือน

2. ให้นำรายจ่ายหักลดหย่อนได้ 3 เท่า ที่เกี่ยวกับโควิด-19 เป็นเวลา 3 เดือน โดยจากเดิมให้เริ่มหักเดือน ธ.ค. 2562 มาเป็นเริ่มเดือนมี.ค. 2563

3. ให้ผู้ประกอบการและลูกจ้างหยุดจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ ซึ่งตอนนี้กฎหมายให้ทำไม่ได้

4. ปรับการจ้างงานจากรายวันเป็นรายชั่วโมง เหลือวันขั้นต่ำ 4 ชั่วโมง จากเดิม 8 ชั่วโมง

5. ผ่อนผันใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างชาติออกไปอีก 6 เดือน

6. ให้รัฐบาลช่วยจ่ายค่าแรงให้กับลูกจ้าง 50% หรือไม่เกิน 7,500 บาท คิดจากฐานเงินเดือนไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท โดยนายจ้างจะจ่าย 25% และอีก 25% จะขอลูกจ้างช่วยลดค่าแรง

7. ให้รัฐบาลช่วยจ่ายค่าชดการเลิกจ้างงาน 3 เดือน กรณีที่ผู้ประกอบการต้องเลิกจ้างแรงงานและต้องจ่ายชดเชยตามกฎหมาย

8.ให้รัฐบาลลดภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่มีอัตรา 1% 3% 5% ให้เหลือ 1% ทุกกรณีในปี 2563 จากที่ก่อนหน้านี้ลดให้ภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้กับเฉพาะผู้ประกอบการรับจ้างทำงานเหลือ 1.5% เท่านั้น

9. ยกเว้นภาษีนิติบุคคลเอสเอ็มอี 3 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2565 โดยมีเงื่อนไขผู้ประกอบการต้องเข้าระบบยื่นภาษีแบบอีไฟล์ริ่งของกรมสรรพากร

10. ให้ผู้ประกอบการนำขาดทุนสะสมไปหักหย่อนภาษีได้เพิ่มจาก 5 ปี เป็น 7 ปี และเร่งรัดการคืนภาษีให้กับผู้ประกอบการเร็วขึ้น

11. เลื่อนการจ่ายค่าน้ำค่าไฟฟ้าไป 6 เดือน และขอลดค่าน้ำค่าไฟฟ้า 5% คืนประกันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่เกิน 50 แอมป์

12. ชะลอการเก็บภาษีที่ดินออกไปอีก 1 ปี

13. เลื่อนการปรับกรณีการจัดซื้อจัดจ้างล่าช้าออกไป 4 เดือน

14. ให้บริษัทใหญ่ ไม่เลื่อนการจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อไม่ให้กระทบกับการจ้างแรงงาน และให้ผู้ประกอบการเว้นค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้นำรายจ่ายทั้งหมดมาหักลดหย่อนภาษีได้ 3 เท่า

15. ให้ยกเว้นเพดานการบริจาคจากไม่เกิน 2% เป็นหักได้ไม่จำกัด เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนบริจาคมากขึ้น

"หากมาตรการต่างๆ ที่ขอไปทยอยออกมาช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ไวเท่าไร ก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการรักษาการจ้างงานของแรงงานได้มากเท่านั้น" นายสุพันธุ์ กล่าว

ด้านนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ได้รายงานที่ประชุมเรื่องการปล่อยกู้ดอกเบี้ยสินเชื่อต่ำ หรือ ซอฟท์โลน ตอนนี้่ พ.ร.ก. ของธปท. ปล่อยกู้ซอฟท์โลน 5 แสนล้าน ให้ ธนาคารพาณิชย์ และ ธนาคารของรัฐ ปล่อยกู้ต่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีผลบังคับใช้แล้ว โดยต้องปล่อยกู้ภายใน 6 เดือน จากวันที่ พ.ร.ก. มีผลบังคับใช้

ทั้งนี้เงื่อนไขการปล่อยกู้กว้างๆ ถือว่ามีเงินจำนวนมาก ผู้ประกอบการสนใจกู้ เพราะดอกเบี้ย 2% ใน 2 ปี และไม่ต้องชำระดอกเบี้ย 6 เดือนแรก เพราะรัฐบาลจ่ายให้

อย่างไรก็ตาม การปล่อยสินเชื่อต้องมีการพิจารณาของผู้กู้ ต้องเป็นเอสเอ็มอีในประเทศไทย วงเงินไม่กู้ไม่เกิน 500 ล้านบาท และกู้ได้ 20% ของวงเงินกู้ที่เหลืออยู่ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2562 ต้องไม่เป็นบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น