posttoday

เศรษฐกิจทรุด ร้อนถึงวงการโคนม อ.ส.ค.ศึกษาธุรกิจนมบน "แพล็ตฟอร์ม" หวังโตยั่งยืน

07 มีนาคม 2563

อ.ส.ค.รับมือภาวะวิกฤติเศรษฐกิจทรุด ผนึกม.เกษตรเร่งศึกษาธุรกิจนมบน“แพลตฟอร์ม” เดินหน้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค สู่นวัตกรรมธุรกิจสมัยใหม่ ผลักดันอาชีพโคนมสู่ความยั่งยืน

ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) กล่าวว่า อ.ส.ค.จับมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ลงนามทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) เพื่อร่วมพัฒนางานด้านทุนมนุษย์ (Human Capital Design and Development) นวัตกรรมผลิตภัณฑ์รูปแบบกิจการ และสถาบันการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับนวัตกรรมการวิจัยเพื่อสร้างการกินดีมีสุขภาวะกับม.เกษตรศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างนวัตกรรมเพื่อส่งมอบสุขภาวะให้ประชาชน ทุกช่วงวัยและสร้างทรัพยากรมนุษย์มีอาชีพบนกิจการเกี่ยวกับโคนมด้วยแนวทางยั่งยืน

โดยความร่วมมือในครั้งนี้คาดหวังให้เกิดความสำเร็จใน5ด้าน คือ 1.การพัฒนาและจัดทำฐานข้อมูลเชิงกลยุทธ์ HR Innovation 4.0 ของอ.ส.ค. ในการมุ่งสู่การเป็นนมแห่งชาติภายในปี2564 2.การออกแบบและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างสุขภาวะผ่านผลิตภัณฑ์และรูปแบบบริการบริการของอ.สค.ในอนาคต 3.การพัฒนาสถาบันการเรียนรู้ให้เป็นระบบ(Smart Academy)ที่สอดคล้องกับนวัตกรรมสมัยใหม่

4.การจัดทำ ความร่วมมือการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรม(Innovation center)ของอ.ส.ค.ร่วมกับม.เกษตรศาสตร์และโรงพยาบาลในเครือกระทรวงสาธารณสุขและโรงเรียนแพทย์และ5.การพัฒนาต่อยอดและบูรณาการความร่วมมือด้านการเรียนการสอน การวิจัย การสร้างนวัตกรรมร่วมกับการทาธุรกิจยุคใหม่ (Business Platform) เพื่อรองรับการเติบโตของ อ.ส.ค. ในอนาคตอย่างยั่งยืน โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปีคือระหว่างปี 2263-2568

ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยและทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติจากปัญหาเชื้อไวรัส “โควิด-19” ระบาดอย่างรุนแรง จำเป็นที่ภาคอุตสาหกรรมและองค์กรต่างๆจะต้องปรับตัวรับภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมของผู้บริโภคและตลาดอุตสาหกรรมด้านต่างๆที่จะเปลี่ยนแปลงไป การลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างอ.ส.ค.และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ภาคีเครือข่ายในครั้งนี้จึงถือเป็นมิติที่ดี ในการร่วมกันวิจัยและพัฒนานวัติกรรมผลิตภัณฑ์นมและบุคคลากรด้านอุตสาหกรรมนมสู่ความทันสมัยและก้าวทันธุรกิจสมัยใหม่ที่จะเกิดขึ้น

โดยเฉพาะการปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจนมบน“แพลตฟอร์มใหม่ๆ เพื่อให้ประชาชนและผู้บริโภคได้รับสุขอนามัยที่ดี มีสุขภาพที่แข็งแรงรวมทั้งผลักดันอาชีพโคนมก้าวสู่ความยั่งยืนยิ่งขึ้นไปอีก ที่สำคัญคือรองรับการเติบโตของอ.ส.ค.ในอนาคต