posttoday

ธุรกิจฟอกหนัง CPL ขยับใหญ่ ดึง IoT ต่อยอดธุรกิจ เซฟตี้โปรดักส์ ส่วนบุคคล สู้ยักษ์ อีคอมเมิร์ซ

19 กุมภาพันธ์ 2563

หลังจากอุตสาหกรรมฟอกหนัง ในประเทศไทย เคยอยู่ในจุดพีค เมื่อราว 20-30 ปีก่อน ถึงปัจจุบัน อุตฯนี้ เริ่มเติบโตถดถอย และอยู่ในภาวะทรงตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่5 ปีที่ผ่านมา กระทบถึงผู้ประกอบการในอุตฯ นี้ บางรายที่ไม่สามารถปรับตัวได้ ต้องตัดสินใจปิดกิจการ

ขณะที่ CPL ผู้ดำเนินธุรกิจฟอกหนังรายใหญ่ เลือกใช้วิธี การแตกไลน์ กลุ่มธุรกิจใหม่ Safty Product ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ความปลอดภัย ส่วนบุคคล ภายใต้แบรนด์ "แพงโกลิน" เข้ามาเสริมพอร์ท ธุรกิจ พร้อม ศึกษาธุรกิจใหม่ เพื่อให้บริการด้านระบบเทคโนโลยี IoT รองรับกลุ่มลูก้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ

ภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้ดำเนินธุรกิจฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ และผู้ผลิต/จำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (เซฟตี้โปรดักส์) ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” เล่าทิศทางการเำเนินธุรกิจ นับจากปี2563 นี้ไปว่า

ขณะนี้ CPL กำลังศึกษาธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Internet of Thing หรือ IoTเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม ที่ปัจจุบันต้องการการบริการด้านระบบเทคโนโลยี เพื่อให้การทำงานในส่วนต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังรวมถึงการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัย เชิงรุก (Active Safety Monitoring) การควบคุมต้นทุนการผลิต การแจ้งเตือนเรื่องการซ่อมบำรุง หรือ Smart Sense ซึ่งเป็นโปรเจคท์ แซนด์ บ็อกซ์ (Sand Box) ของกลุ่มงานวิศวกรรมไอที CPL ที่พัฒนาขึ้นในปีที่ผ่านมา และได้ทดลองให้บริการในกลุ่มลูกค้าบางรายของบริษัท ไปแล้ว โดยโปรดักส์ ดังกล่าว บริษัทวางสัดส่วนกลุ่มเป้าหมาย10% ของฐานกลุ่มลูกค้าบริษัทที่มีอยู่ราว 5,000 รายในปัจจุบัน

ภูวสิษฏ์ กล่าว ว่า จากการที่ CPL เป็นองค์กรที่เริ่มจากกิจการครอบครัววธุรกิจฟอกหนังสำเร็จรูป ถึงปัจจุบันดำเนินการมาถึงรุ่น3 หรือ ราว8 ทศวรรษ และพบกับความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจต่างๆ รวมถึงการดิสรัปท์ของธุรกิจ จากพฤติกรรมลูกค้ากลุ่มธุรกิจต่อธุรกิจ(บีทูบี ) ที่ต่างหันไปใช่แพล็ตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ อย่าง อาลี บาบา กูเกิล ฯลฯ เพื่อสั่งซื้อสินค้าประเภทเดียวกัน จากผู้ผลิตโดยตรง ดังนั้น บริษัทต้องการแก้ ''เพน พอยท์' นี้ โดยการสร้างมูลค่าเพื่มจากนวัตกรรมและเทคโนโลยี ให้กับสินค้าในตลาดเดิม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ผ่าน IoT ที่จะเชื่อมต่อ กับผลิตภัณฑ์เซฟตี้ ไอเท็ม ต่างๆ ภายใต้แบรนด์ แพงโกลิน ในอนาคต

"ต้องยอมรับว่า ธุรกิจฟอกหนัง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและดั้งเดิมของ CPL นั้นอยู่ในภาวะซบเซาต่อเนื่องยาวนานแม้ว่าล่าสุดจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากคำสั่งซื้อของลูกค้าหลักๆ ที่ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง แต่ก็ยังอยู่ในช่วงของการประคองตัวบริษัทฯ จึงมองหาธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเสริมนอกเหนือจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลหรือเซฟตี้ โปรดักส์ ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” ที่จะยังมีโอกาสขยายตัวตามโครงการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่องบประมาณรายจ่ายปี 2563 ผ่านการพิจารณาและจะมีการกระตุ้นการเบิกจ่ายมากขึ้น" ภูวสิษฏ์ กล่าว

โดยในปีนี้ CPL วางเป้าหมาย รายได้จากธุรกิจเซฟตี้ โปรดักส์ จะเติบโตได้ 10% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้ราว 700 ล้านบาท และวางเป้าหมายรายได้รวมทั้งกลุ่มบริษัท อยู่ที่ 2.5-2.7 พันล้านบาท แบ่งสัดส่วนมาจาก ธุรกิจหนังสำเร็จรูป ราว 65% ธุรกิจฟอกหนัง 10% และธุรกิจ เซฟตี้โปรดักส์ 25%