posttoday

ลุ้นนักลงทุนหนีอู่ฮั่นย้ายฐานมาไทย ห่วงกำลังซื้อในประเทศลดกระทบภาคการผลิต

29 มกราคม 2563

สศอ. เชื่อปมไวรัสโคโรนาส่งผลดีระยะยาว โยกนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานผลิตมาไทยบางอุตสาหกรรม แต่ยังห่วงกระทบเชื่อมั่นคนไทย ฉุดกำลังซื้อลดลง ขณะที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตฯ เดือนธ.ค.มีทิศทางดีขึ้น คาดปี'63 ขยายตัว 2.5%

สศอ. เชื่อปมไวรัสโคโรนาส่งผลดีระยะยาว โยกนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานผลิตมาไทยบางอุตสาหกรรม แต่ยังห่วงกระทบเชื่อมั่นคนไทย ฉุดกำลังซื้อลดลง ขณะที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตฯ เดือนธ.ค.มีทิศทางดีขึ้น 

นายทองชัย ชวลิตพิเชษฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีนอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ และส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังการผลิตภาคอุตสาหกรรม ได้ ซึ่งปัจจุบัน สินค้าไทยที่ส่งออกไปจีนเฉพาะที่เมืองอู่ฮั่นยังมีไม่มาก จึงมีผลกระทบแค่ระยะสั้นเล็กน้อย เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แต่เท่าที่ทราบบริษัทผู้ผลิตองญี่ปุ่นในเมืองอู่ฮั่นได้เรียกพนักงานกลับหมด ดังนั้นอาจเป็นผลดีระยะยาว ที่จะทำให้มีการย้ายฐานการผลิตมาที่ไทยในบางอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงได้

สำหรับตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI)เดือนธ.ค. 2562 ลดลง 4.35% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้น โดยปรับลดลงเพียงเล็กน้อย มีสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากที่ติดลบมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุนที่ขยายตัว 0.3% ประกอบกับรัฐบาลได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ตัวเลขการลงทุนในการประกอบกิจการโรงงานทั้งปี 2562 มีมูลค่าสูงถึง 4.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 31.47 % ส่งผลให้อุตสาหกรรมสำคัญมีดัชนีผลผลิตปรับตัวดีขึ้น

ท้งนี้อุตสาหกรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคมปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ได้แก่ 1. Hard Disk Drive การผลิตเพิ่มขึ้น18.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น หลังมีการปิดฐานผลิตที่ประเทศมาเลเซียตั้งแต่ เม.ย. 2562 และความต้องการสินค้าในตลาดที่มีต่อเนื่อง ซึ่งผู้ผลิตได้พัฒนาสินค้าให้มีความจุสูงรองรับข้อมูลที่มีการเติบโตและสอดคล้องกับความต้องการที่หลากหลาย

2.เครื่องปรับอากาศ และชิ้นส่วน การผลิตเพิ่มขึ้น 23.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการส่งออกไปกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดียที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น รวมทั้งตลาดในประเทศ ตามความต้องการสินค้าเครื่องปรับอากาศชนิดอินเวอร์เตอร์ และการขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น

3.อาหารทะเลแช่แข็ง การผลิตเพิ่มขึ้น 13.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาวัตถุดิบปลาทูน่าปรับตัวลดลงจากปีก่อน อีกทั้งกุ้งในตลาดมีปริมาณมากผู้ผลิตจึงเร่งผลิตและเก็บเป็นสต็อกไว้รอจำหน่ายใน ช่วงถัดไป 4.เครื่องประดับแท้ การผลิตเพิ่มขึ้น 15.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าจี้ แหวน ต่างหู และกำไล ตามแผนการผลิตที่ปรับตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเดือนนี้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นทั้งตลาดส่งออก และตลาด
ในประเทศ

5.ปุ๋ยเคมี การผลิตเพิ่มขึ้น 77.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องทำให้การนำเข้าวัตถุดิบมีต้นทุนถูกลงผู้ผลิตมีส่วนต่างกำไรเพิ่มขึ้น จึงเร่งผลิตแล้วเก็บเป็นสต็อกไว้รอจำหน่ายในช่วงถัดไป

ส่วนอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคมลดลง ได้แก่ 1.รถยนต์ และเครื่องยนต์ ลดลง 19.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถาบันทางการเงิน มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และเงินบาทแข็งค่าทำให้การส่งออกลดลง 2.น้ำตาล การผลิตลดลง 21.39 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีนี้การเปิดหีบล่าช้ากว่าปีก่อน (ปีก่อนเปิดหีบ 20 พ.ย. ปีนี้ 1 ธ.ค.) ด้วยสภาพอากาศแห้งแล้งไม่เอื้อต่อการปลูกอ้อย ส่งผลให้ค่าความหวานและปริมาณผลผลิตอ้อยลดลง

3.น้ำมันปาล์ม ลดลง 31.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เนื่องจากผลปาล์มออกสู่ตลาดน้อยจากสภาพอากาศแปรปรวน และผลกระทบจากการรณรงค์เลิกใช้น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภค 4.น้ำมันปิโตรเลียม ลดลง 3.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโรงกลั่น 1 แห่ง ยังอยู่ระหว่าง การหยุดซ่อมบำรุงต่อเนื่องจากเดือนก่อนและเริ่มทำการกลั่นตามปกติในช่วงหลังของเดือน