posttoday

"สมคิด" โบ้ยทีมเศรษฐกิจแตก ทำเศรษฐกิจทรุด

25 พฤศจิกายน 2562

"สมคิด" บอกเศรษฐกิจแย่เพราะคลังบริหารอยู่ขาเดียว ชง ครม. ออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มสัปดาห์นี้

"สมคิด" บอกเศรษฐกิจแย่เพราะคลังบริหารอยู่ขาเดียว ชง ครม. ออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มสัปดาห์นี้

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในขณะนี้มีส่วนที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องการส่งออก เรื่องค่าครองชีพ เรื่องการเบิกจ่ายของภาครัฐ และการช่วยเหลือเกษตรกร การขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น เครื่องยนต์เหล่านี้ต้องเดินไปข้างหน้าทุกตัว ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งก็เป็นมาตรการเฉพาะส่วนที่กระทรวงการคลังเกี่ยวข้อง ที่คิดแล้วว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้การบริโภคขยายตัวได้มากขึ้น มีเงินไหลเวียนในระบบมากขึ้น คนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เอกชนลงทุนมากขึ้น ตรงนี้คือส่วนที่กระทรวงการคลังทำได้ แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ก็ต้องไปถามหน่วยงาน หรือผู้ที่รับผิดชอบ

"เมื่อก่อนบริหารเศรษฐกิจมี 4 ขา ตอนนี้มีขาเดียว ทุกอย่างเรายังทำงานร่วมกัน สำหรับมาตรการดูแลเศรษฐกิจในมุมต่าง ๆ ในรายละเอียดต้องไปถามแต่ละกระทรวงดู ผมคิดว่าเขาพยายามอยู่ ถ้าอยากรู้ก็ต้องไปถามเอา" นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า ยืนยันว่ารัฐบาลยังเดินไปด้วยกัน แต่ละกระทรวงต้องขับเคลื่อนเคลื่อนเศรษฐกิจในส่วนที่รับผิดชอบ กระทรวงการคลังไม่ได้ไปทำเรื่องส่งออก เพราะไม่ใช่หน้าที่ แต่ที่ผ่านมาก็มีการหารือกันตลอดเวลา

นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง เปิดเผยว่า เรื่องเศรษฐกิจต้องดูแลในหลายด้าน ทั้งด้านอุปโภคก็มีความจำเป็น ต้องดูแลให้หมุนเวียน ดูแลให้ประชาชนเข้าถึงในสิ่งที่จำเป็น ดูแลการลงทุนของผู้ประกอบการและภาคเกษตร ทั้งหมดต้องดูแลให้เหมาะสม ส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องมีการพิจารณาให้เหมาะสมว่าจะออกมาในแต่ละช่วงเวลาต่าง ๆ ขอให้รอดู เพราะมีขั้นตอน ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนให้เรียบร้อยก่อน ต้องให้ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เรียบร้อยก่อน

รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ดำเนินการมา รู้สึกได้หลายแบบที่บอกว่าได้ผลก็มีอยู่ แต่คิดว่าประเด็นหลักอยู่ที่ว่าจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ในภาวะแบบนี้ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทั้งรัฐ เอกชน ไม่เช่นนั้นปล่อยไปเฉยๆ ความมั่นใจไม่มี ความรู้สึกหดหู่ยิ่งไปกันใหญ่ วันนี้คิดว่าตัวเลขเศรษฐกิจสะท้อนจากรายไตรมาสเริ่มผงกหัวดีขึ้น เราต้องทำต่อไป ไม่ใช่รอดูเฉยๆ ขอให้ติดตามดูว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาอีกไหม

นายอุตตม กล่าวว่า กระทรวงการคลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา มีการติดตาม ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ กระทรวงที่รับผิดชอบก็ดำเนินการอยู่ คลังรับผิดชอบแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ทำงานด้วยกัน รัฐบาลยังทำงานด้วยกัน แต่ในรายละเอียดต้องไปถามผู้รับผิดชอบโดยตรง คลังคงไปตอบแทนไม่ได้ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ทำด้วยกันแต่รายละเอียดต้องไปถามผู้รับผิดชอบ เราไม่มีข้อมูลคงไปตอบแทนไม่ได้

"ที่ผ่านมาสำนักงานเศรษฐกิจการคลังมีหน้าที่ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ ไม่ใช่ประเมินความสำเร็จของมาตรการ สะท้อนให้เห็นว่าการประเมินกระทรวงการคลังก็ทำ หน่วยงานอื่นก็ประเมิน ที่ถามถึงมาตรการต่างๆ ในเชิงปฏิบัติก็ต้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตอบ การหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาลก็ยังมี หน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละส่วนก็มีการรายงานข้อมูลเข้ามา ทั้งเรื่องการส่งออก การบริโภค การลงทุน มีข้อมูลทั้งหมดหมด ในทางปฏิบัติต้องให้แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบ เหมือนที่กระทรวงการคลังรับผิดชอบเรื่องคลัง" นายอุตตม กล่าว

อย่างไรก็ดี รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวภายหลังการประชุมการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of doing business) ว่า ในปีหน้าตั้งเป้าหมายให้ไทยขยับอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจสู่ 1 ใน 20 อันดับ มั่นใจว่าสามารถทำได้ แม้ว่ายังมีอีกหลายปัจจัยที่ไทยจำเป็นต้องพัฒนา ทั้งเรื่องการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาทำไปเยอะแล้ว แต่ยังไม่สามารถสื่อไปถึงผู้ใช้ รวมถึงธนาคารโลกให้เข้าใจสิ่งที่เราทำได้

อย่างไรก็ดี ได้มอบนโยบายให้ กพร. ต้องทำให้คนไทยรู้ว่าความยากง่ายในการทำธุรกิจสำคัญอย่างไร ไม่ใช่แค่การทำธุรกิจ แต่ยังมีความสำคัญในเชิงธุรกิจและสังคม โดยการลงทุนจากต่างประเทศได้ให้ความสำคัญกับการจัดอันดับดังกล่าว ถ้าไทยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนนี้ได้ จะทำให้เกิดความลื่นไหลในการทำธุรกิจ เศรษฐกิจดีขึ้น ผลประโยชน์ที่มีต่อประชาชน เวลาติดต่อราชการก็ง่ายขึ้น อุปสรรคในอดีตจะหมดไป