posttoday

จุดจบโรคมาลาเรียในเอเชียพลิกผันเมื่อเชื้อดื้อยาฆ่าแมลงและยารักษา

26 เมษายน 2562

ผู้เชี่ยวชาญในเอเชียหวั่นเป้าหมายในการกำจัดโรคมาลาเรียในภูมิภาคเผชิญความเสี่ยงจากเชื้อดื้อยารักษามาลาเรียและยาฆ่าแมลง ดังนั้นต้องมีเครื่องมือใหม่ในการต่อสู้กับโรคมาลาเรีย

ผู้เชี่ยวชาญในเอเชียหวั่นเป้าหมายในการกำจัดโรคมาลาเรียในภูมิภาคเผชิญความเสี่ยงจากเชื้อดื้อยารักษามาลาเรียและยาฆ่าแมลง ดังนั้นต้องมีเครื่องมือใหม่ในการต่อสู้กับโรคมาลาเรีย

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมาลาเรียในเอเชียที่ร่วมการสำรวจในรายงานฉบับใหม่กล่าวว่ามีความจำเป็นในการใช้เครื่องมือใหม่ๆ ในการกำจัดโรคมาลาเรียเนื่องจากเชื้อโรคมีการดื้อต่อมาตรการป้องกันและการรักษาในปัจจุบัน และเรียกร้องให้มีการลงทุนเพื่อพัฒนาและวิจัยยารักษาโรคมาลาเรียและยาฆ่าแมลงตัวใหม่ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการกำจัดโรคภายในปี 2573 ขององค์การอนามัยโลก

รายงานมาลาเรียฟิวเจอร์สฟอร์เอเชียได้เปิดตัวในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2562 รายงานฉบับนี้แสดงมุมมองของผู้อำนวยการโครงการด้านโรคมาลาเรีย นักวิจัย และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรในประเทศกัมพูชา อินเดีย เมียนมาร์ ไทยและเวียดนามเกี่ยวกับความคืบหน้าในการกำจัดโรคมาลาเรีย จัดทำโดยนักวิจัยอิสระด้านนโยบายด้วยการสนับสนุนของโนวาร์ตีส ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่ผลิตขนาดยาในปริมาณคงที่ของยากลุ่มอาร์ติมิซินินที่ใช้ร่วมกับยาเมฟโฟลควิน (Artemisinin-based combination therapy - ACTs) เมื่อสองทศวรรษที่แล้ว ยานี้มีประสิทธิภาพสำหรับการรักษาโรคมาลาเรียในปัจจุบัน

จุดจบโรคมาลาเรียในเอเชียพลิกผันเมื่อเชื้อดื้อยาฆ่าแมลงและยารักษา

รายงานฉบับนี้ถูกจัดทำในสถานการณ์ที่การกำจัดโรคมาลาเรียคืบหน้าไปมาก โดยมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อต่อพันคนลดลงกว่า 60% นับจากปี 2553 ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมการสำรวจเกือบสองในสามเชื่อว่าภูมิภาคเอเชียจะสามารถบรรลุเป้าหมาย ในการกำจัดเชื้อมาลาเรียประเภท P. falciparum ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงมากที่สุด แต่ส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจว่าจะสามารถกำจัดมาลาเรียสายพันธุ์ P. vivax ได้ภายในปี 2573

“นับเป็นครังแรกในรอบหลายปีที่มีการสำรวจความคิดเห็นของผู้วางนโยบายและผู้ปฏิบัติในพื้นที่ในเรื่องความคืบหน้า ความท้าทาย และโอกาสในการกำจัดโรคมาลาเรีย” นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและหนึ่งในคณะกรรมการขององค์การนานาชาติมาลาเรียอาร์บีเอ็มเพื่อการกำจัดมาลาเรีย และประธานร่วมของการสำรวจกล่าว

นายยงยุทธ กล่าวว่า ในขณะที่คนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่ามีความคืบหน้าในการกำจัดโรคมาลาเรีย บางคนอาจมีความมั่นใจมากเกินไป การเพิกเฉยเป็นเรื่องอันตราย ผมต่อสู้กับโรคมาลาเรียมาเกือบทั้งชีวิตและรู้ดีว่าการต่อสู้ในขั้นสุดท้ายเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการกำจัดโรคมาลาเรีย

การที่เชื้อดื้อต่อยาฆ่าแมลงและยากลุ่มอาร์ติมิซินินได้ก่อให้เกิดความกังวลเป็นอย่างมาก ผู้ร่วมการสำรวจบางคนเชื่อว่าภูมิภาคนี้จะสามารถควบคุมปัญหานี้ได้ พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายการกำจัดโรค ขณะที่บางคนกลับมีความเชื่อมั่นน้อยกว่า ทั้งนี้เกือบทั้งหมดกล่าวว่าการสนับสนุนงานด้านการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับยาฆ่าแมลงและการรักษาโรคเป็นสิ่งสำคัญ ปัจจุบันทางโนวาร์ตีสกำลังทดลองยารักษาโรคมาลาเรียเชิงคลินิกในประเทศไทยและเวียดนาม ในกรณีที่ภาวะดื้อยากลุ่มอาร์ติมิซินินนั้นแพร่กระจายไป

จุดจบโรคมาลาเรียในเอเชียพลิกผันเมื่อเชื้อดื้อยาฆ่าแมลงและยารักษา

สำหรับสถานการณ์โรคมาลาเรียของประเทศไทยมีแผนกลยุทธ์ระดับชาติในการยุติโรคมาลาเรีย และกลยุทธ์แบบบูรณาการซึ่งตั้งเป้าหมายในการกำจัดมาลาเรียให้หมดสิ้นไปภายในปี 2567

นอกจากนี้ มีแรงสนับสนุนทางการเมืองที่เข้มแข็งเพื่อการกำจัดโรคมาลาเรีย แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยจะลดลงก็ตาม มีเงินช่วยเหลือจากผู้บริจาคเพื่อการกำจัดมาลาเรียในประเทศ และจะยังคงจะมีอยู่ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามเงินสนับสนุนจากโกลบอลฟันด์จะยุติลงในปีพ.ศ. 2563 และคาดว่าจะได้รับการทดแทนจากเงินในประเทศ