posttoday

เซ็นทรัลร่วมทุนเวียดนาม

27 มกราคม 2558

เซ็นทรัลใช้เพาเวอร์บายถือหุ้นยักษ์ค้าปลีกเวียดนาม “เหงียน คิม” 49% รุกเครื่องใช้ไฟฟ้าอาเซียน

เซ็นทรัลใช้เพาเวอร์บายถือหุ้นยักษ์ค้าปลีกเวียดนาม “เหงียน คิม” 49% รุกเครื่องใช้ไฟฟ้าอาเซียน

นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท เหงียน คิม เทรดดิ้ง จอยท์ สต็อค ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศเวียดนาม โดยการเข้าไปลงทุนครั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนในนามบริษัท เพาเวอร์บาย ด้วยการเข้าไปถือหุ้นสามัญ 49% ของเหงียน คิม ส่วนหุ้นที่เหลืออีกประมาณ 51% เป็นของผู้ถือหุ้นเดิม
เหงียน คิม

ทั้งนี้ การจับมือร่วมกันดังกล่าว ถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัท เพาเวอร์บาย และบริษัท เหงียน คิม เนื่องจากทั้งสองบริษัทจะร่วมกันขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง โดย เพาเวอร์ บาย จะกลายเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากบริษัท เหงียน คิม มีสาขาครอบคลุมทั่วเวียดนามถึง 21 สาขา

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าไปทำธุรกิจในประเทศเวียดนามตั้งแต่ปี 2556 เพื่อขยายศักยภาพของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ซึ่งธุรกิจที่เข้าไปดำเนินการ คือ การเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินส์ โดยมีสาขาแรกอยู่ที่เมืองฮานอย และมีสาขาที่ 2 อยู่ที่เมืองโฮจิมินห์ซิตี้ พร้อมกับเปิดร้านขายสินค้าและอุปกรณ์กีฬาแบรนด์ภายใต้แบรนด์ ซูเปอร์สปอร์ต คร็อกส นิว บาลานซ์ และร้านแฟชั่นแบรนด์ต่างๆ รวมกว่า 60 สาขา

นอกจากนี้  ยังมีการลงทุนในประเทศมาเลเซีย โดยซื้อกิจการของบริษัทแบรนด์แฟชั่น HCH Industries SdnBhd ที่มีเครือข่ายสาขาครอบคลุมมากกว่า 500 สาขาทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ CMG และได้ซื้อที่ดินใกล้กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในนามของ CPN เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์การค้าใน Shah Alam city อยู่ในรัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย และเปิดห้างเซ็นทรัลดีพาร์ทเมนท์สโตร์ แกรนด์ อินโดนีเซีย ที่จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

น.ส.สอางทิพย์ อมรฉัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัทเพาเวอร์บาย กล่าวว่า การที่บริษัทเข้าไปจับมือกับเหงียน คิม เพราะเป็นบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในประเทศเวียดนาม และเป็นบริษัทที่มีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยการมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท หากนำมารวมกับรายได้ของบริษัทที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท จะทำให้ทั้งสองบริษัทมีศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่งมากขึ้น

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจหลังร่วมทุนกัน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการหารือว่าจะดำเนินธุรกิจในรูปแบบใด ซึ่งเบื้องต้นอาจตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ คาดใน 1-2 เดือนจะสรุป

ข่าวล่าสุด

กต.ชี้ กัมพูชาปิดด่านห้ามคนไทยกลับประเทศขัดกฎหมายระหว่างประเทศ