posttoday

เปิดแนวคิด 'เชน-ธนาตรัยฉัตร' พลิกเส้นทางศิลปินสู่ซีอีโอพันล้าน 'อมาโด กรุ๊ป'

25 กรกฎาคม 2564

อดีตศิลปินสมาชิกบอยแบนด์ 'ไนซ์ ทู มีท ยู' และ ศิลปินดี่ยวค่ายอาร์เอส ในยุคมิลเลนเนียล ปัจจุบันได้ผันตัวเองสู่การเป็นนักธุรกิจเต็มตัวในฐานะ 'ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร' บริษัทอมาโด้ กรุ๊ป จำกัด

'เชน-ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์' อดีตศิลปินสมาชิกบอยแบนด์ 'ไนซ์ ทู มีท ยู' และ ศิลปินดี่ยวค่ายอาร์เอส ในยุคมิลเลนเนียล ปัจจุบันได้ผันตัวเองสู่การเป็นนักธุรกิจเต็มตัวในฐานะ 'ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร' บริษัทอมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้ทำตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสัญชาติไทยแบรนด์ 'อมาโด้' และจากความสามารถล้วนๆที่ได้นำกิจการสู่หลักพันล้านบาทได้ในระยะเวลาเพียง 7ปี พร้อมแผนเตรียมระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตอันใกล้

เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย เริ่มธุรกิจตั้งแต่อายุ 19ปี

ธนา เล่าจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของเขาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นอายุ 19ปี โดยตอนนั้นก็เริ่มเปิดร้านขายกิฟต์ช้อป ขายเสื้อผ้าต่างๆ "รู้สึกว่าเราชอบเรื่องของเทรนด์ และตอนนั้นมันเป็นเรื่องของ Health and Beauty กำลังมาแรงมากเลยมองว่าอยากทำเรื่องของสุขภาพ แต่ก็ยังไม่ได้มองในเรื่องของธุรกิจ ไม่นานนักก็ได้เข้าไปเป็นพนักงานการตลาดของธุรกิจคลินิคแห่งหนึ่ง เพราะอยากไปศึกษาว่าธุรกิจปีหนึ่งๆที่เขาขายได้หลัก 3-4 พันล้านบาท เขาทำกันอย่างไร"

จากนั้นก็อาศัยเทคนิคเรียนรู้ด้วยตัวเองในแบบที่เรียกว่า 'ครูพักลักจำ ' จนกระทั่ง'ธนา' รู้สึกว่าพร้อมแล้ว ด้วยเห็นโอกาสของธุรกิจจากการนำเรื่องของนวัตกรรมบางอย่างมาใช้ ซึ่งจุดนี้ทำให้ตัดสินใจกระโดดเข้ามาทำธุรนกิจอมาโด ในเวลาต่อมา 

"เราเข้าใจว่าคนไทยที่ผ่านมาต้องกินอาหารเสริมที่แพงเกินไป ทั้งที่ไม่ได้แพงขนาดนั้น เลยมีความตั้งใจที่จะเข้ามาเปลี่ยนรื่องของความเหมาะสม ความสมดุลย์ และสร้างอะแวร์เนส ด้านสุขภาพไปด้วย คือ ตอนนั้นทุกคนจะกินอาหารเสริมแบบเสี่ยง เราก็เลยอยากเป็นแบรนด์ๆ หนึ่ง ที่คนจะนึกถึงเสมอเมื่อกินอาหารเสริม ทำให้ตัดสินใจเข้ามาในตลาดนี้" ธนา ฉายภาพให้ชัดเจนขึ้น

ขณะที่ ช่องทางขาย หรือ ดิสตริบิวชัน ชาแนล ในยุคนั้น ธนาบอกว่าจะถูกผูกขาดด้วยโมเดิร์นเทรดอย่างเดียว ส่วนช่องทาง Tele Marketing จะมีผู้ครองตลาดช่องทางนี้จำกัดไม่กี่รายเท่านั้น ทำให้ อมาโด้ ต้องการเข้ามา 'ดิสรัปชัน' ในเรื่องนี้ และเป็นจังหวะเดียวกับในช่วงนั้นทื่ได้เห็นโอกาสทางการตลาดใหม่ในช่องทางการขาย

ด้วยสมัยที่ ธนายังเป็นศิลปิน และได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตในต่างจังหวัดทั่วประเทศ และเห็นว่ามีร้านขายส่งน้ำดื่ม กระจายอยู่ทั่วตามหัวมุมเมืองต่างๆ

"เราเลยเกิดไอเดียว่า ปัจจุบีนมีทั้งโลจิสติกส์ มีอีคอมเมิร์ซแล้ว ก็น่าจะลองเปลี่ยนวิธีการขายจำนวนเยอะๆ แบบนี้ให้จริงจัง โดยให้แต่ละบ้านคนเนี่ยเป็นคลังสินค้า แล้วขายผ่านอินเทอร์เน็ต จากนั้นก็ให้บริการไปรษณีย์ หรือ เคอร์รี่ เอาของออกไป เราก็เริ่มจากโมเดลนี้ สุดท้ายมันเป็นโมเดลที่สนุกมากแล้วก็ซัคเซส ในระยะเวลาอันสั้น" ธนา เล่า

เส้นทางสร้างแบรนด์ 'อมาโด้' สุดทรหด

ธนา เสริมว่าปัจจุบันมาโด มีอายุ 7ปี และเตรียมเข้าสู่ปีที่ 8 โดยแนวทางการสร้างแบรนด์ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความ "หิน" ไม่น้อย ด้วยในช่วงนั้นยังเป็นศิลปินนักร้องทำให้มีทุนจำกัด เลยตัดสินใจไปปขอ 'แองเจิล ฟันด์' แหล่งทุนจากธุรกิจรายหนึ่ง ซึ่งเป็นการ 'ดีลธุรกิจ" ในรูปแบบสตาร์ทอัพ และในช่วงนั้นการทำธุรกิจต้องเรียกว่า ทรหด และ อึดมากๆ ด้วยไม่สามารถเพิ่มทุนไปได้มากกว่านี้ แม้ว่าสินค้าจะไปได้ดีและมี โอกาสทางการตลาดอีกมากก็ตาม

"ในช่วงนั้น เราเลยกลายเป็นธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งที่มีทรัพยากรจำกัด ทำให้การเติบโตของอมาโด เหมือนเป็นวัยรุ่นที่มีกำลังเยอะและมีแรงสู้ แล้วก็ไม่ท้อ และพัฒนาจนพ้นจากเอสเอ็มอีมา กลายมาเป็นบริษัทหนึ่ง ที่ปีนึงอาจจะขายได้สอง สามพันล้านบาทแล้ว แต่ว่าก็ยังมีเลือดของสตาร์ทอัพไหลเวียนอยู่ตลอด" ธนา เสริม

'คีย์ ซัคเซส' ไขกุญแจความสำเร็จธุรกิจ 

ธนา กล่าวว่ากลยุทธ์หลักที่ทำให้ อมาโด้ กรุ๊ป เดินมาถึงประตูบานแรกแห่งความสำเร็จได้นั้นมาจากการ "โซลูชั่น" อยู่ตลอดเวลา ด้วยหลักคิดของการเป็นเลือดสตาร์ทอัพ ที่จะต้องหาวิธีแก้จุดเจ็บปวด หรือ เพนพอยท์ ให้ทั้งกับธุรกิจและลูกค้า "เปรียบเสมือนหากเรามีผืนดิน เราก็ต้องเลือกผินดินที่ต้องปลูกข้าวให้ขึ้นเท่านั้น เราจะไม่หว่านข้าวในดินที่ปลูกไม่ขึ้น พอเรามีนิสัยแบบนี้ คือ ทำให้เราใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดแต่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด"

พร้อมกล่าวถึงกลยุทธ์สุดท้าย คือ โมเดลธุรกิจ ซึ่งหากธุรกิจมีสินค้าราวๆสองหมื่นชิ้น และมี 5 ข่องทางขาย ประกอบกับการนำข้อมูล (DATA) มาร่วมวิเคราะห์การทำตลาด ทำให้ อมาโด้ จะเลือกขายเฉพาะในช่องทางขายที่ดีที่สุด และเกิดประโยชน์สูงสุด

ด้วยสุดท้ายแล้วทั้งหมดนี้ คือ คีย์ซัคเซส ที่ผสมกันระหว่าง ทรัพยากรที่มีจำกัด บุคลากร และ ฐานข้อมูล ที่ผลักดันให้ธุรกิจอมาโด้ เติบโตถึงในวันนี้ โดยไม่มีของเสียเกิดขึ้นในระบบตามมา ภายใต้คอนเซปต์ 'simulity' ลงทุนน้อยในระยะเวลาที่น้อยลง แต่เกิดประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

พร้อมแต่งตัว เข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI

สำหรับแผนการนำธุรกิจเตรียมเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) เริ่มจากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2560 ช่วงนั้น 'อมาโด้' มียอดขายกว่า 200 ล้านบาท และเชื่อว่าธุรกิจมีศักยภาพมากพอและกำไรถึงตามเป้า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด ทำให้บริษัทเริ่มมองเห็นโอกาสในการเข้าไปหาแหล่งทุนเพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจใหม่ๆในอนาคต

พร้อมวางเป้าหมายการเข้าระดมทุนฯราวกลางปี2565 แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ปัจจัยต่างๆ ประกอบกัน ด้วยในปีนี้ยอมรับว่าเป็นปีที่มีความท้าทายสูง ในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการแข่งขันในช่องทางทีวีช้อปปิง แต่ ธนา บอกว่าก็ยังมีความสนุกในการรันธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อยู่

ธนา เล่าต่อว่า "เป้าหมายธุรกิจหลังเข้าตลาดฯ คือ ลงทุนเพิ่มในส่วนของเอสเคยูใหม่ๆ ที่เราเห็นโอกาส หรือต่อยอดโปรดักส์เดิมของเรา อย่างแปรรูปคอลลาเจนเป็นน้ำดื่ม แปรรูปคอลลาเจนเป็นชนิดเคี้ยวเล่น รวมถึงการสร้างโรงงาน ด้วยมีสิ่งหนึ่งที่เราเห็นในสตาร์ทอัพยุคใหม่ คือเป็น Virtual Company ซึ่ง เราจะไม่ทำในสิ่งที่เราไม่ถนัด ด้วยทุกกันนี้เราโออีเอ็ม จ้างผลิตโอนค่าต้นทุนปีหนึ่งๆ ก็ประมาณ 500-1,000 ล้านบาท สมมุติถ้าเราผลิตขายได้3,000 ล้านบาท เราประหยัดไป10% แสดงว่า 10% ที่เราสร้างโรงงาน ตรงนั้นมีจุดคุ้มทุนของมัน เราก็เอากลับมาเป็นปันผลของนักลงทุน หรือเป็นโบนัสให้พนักงานได้"

ดังนั้นสิ่งแรกในการลงทุน คือ หนึ่ง จะทำในส่วนที่อมาโด้เก่งอยู่แล้ว สอง คือ ต้นน้ำ การสร้างโรงงาน แล้วปลายทางอีคอมเมิร์ซ และยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจโลจิสติกส์ ในอนาคตด้วย

โค-มาร์เก็ตติง หนึ่งในกลยุทธ์ฝ่าโควิด

สำหรับ สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกล่าสุด ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างทุกภาคส่วน ล่าสุด อมาโด้ ร่วมกับ Tune Protect ประเทศไทย จัดแคมเปญใหญ่ ซื้อสินค้าอมาโด้แถมความคุ้มครองประกันภัยโควิด-19 เพื่อมอบให้คนไทยในช่วงวิกฤติโควิด-19

ธนา บอกว่า "อมาโด้มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมกลุ่มสุขภาพ และความงาม ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มช่วงอายุและนำเสนอในราคาสมเหตุสมผล ด้วยฐานลูกค้ากว่า 1.2 ล้านรายทั่วประเทศ ทำให้เข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และจัดโปรโมชันสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายแต่ละช่อง แต่ละรายการ ซึ่งมั่นใจว่าการผนึกกำลังในครั้งนี้ถือเป็นการการันตีของอมาโด้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงามที่พร้อมส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและพร้อมจะอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์"

แผนอนาคตครบรอบ 10ปี 'อมาโด้'

ธนา เล่าถึงในอีก3 ปีข้างหน้าจากนี้ 'อมาโด' จะมีอายุครบรอบ1ทศวรรษ และเชื่อว่า จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของคนไทยทื่ทำได้ดีมาก โดยจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์แรกที่คนไทยนึกถึงเสมอ ภายใต้แท็คไลน์ We live For your Health เราหายใจอยู่ทุกวันนี้เพื่้อสุขภาพของคนไทย

"ผมฝันไว้ว่าจะเป็นฮับของทุกความรู้สึกดีๆของสุขภาพและความงาม คือเมื่อไหร่ที่เราอยากจะให้รางวัลชีวิต จ่ายเงินเพื่อสุขภาพที่ดีชีวิตทียั่งยืน อยากให้คนไทยนึกถึงอมาโดก่อนเป็นสิ่งแรกเสมอ และก้าวต่อไปในอนาคตพร้อมจะเป็นผู้นำพาทรัพยากรทั้งหมดที่ประเทศไทยมี ไม่ว่าจะเป็นเฮิร์บ สมุนไพร อินเกรเดียน ต่างๆ ไปสู่โลกว้าง ก็สามารถเอาแบรนด์อมาโด ไปในทุกที่ของโลก และเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ชีวิต หรือว่ารายได้ของคนไทยสูงขึ้นเป็นหนึ่งในธุรกิจของจีดีพีไทยที่ขับเคลื่อนได้" ธนา กล่าวทิ้งท้าย

โดย ดวงใจ จิตต์มงคล