ไทยเฮ! อียูปลดใบเหลืองแล้ว หลังไทยแก้ปัญหาประมงตามหลักสากล
ข่าวดี! สหภาพยุโรปปลดใบเหลืองและให้ใบเขียวกับไทยแล้ว หลังมีการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายตามหลักสากลแล้ว
ข่าวดี! สหภาพยุโรปปลดใบเหลืองและให้ใบเขียวกับไทยแล้ว หลังมีการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายตามหลักสากลแล้ว
เมื่อวันที่ 8 ม.ค.62 นายนายเคอเมนู เวลลา กรรมาธิการยุโรปด้านสิ่งแวดล้อม กิจการทางทะเล และประมง (European Commissioner for Environment, Maritime Affairs, and Fisheries)กล่าวว่ายินดีที่จะประกาศว่า วันนี้สหภาพยุโรปได้ตัดสินใจปลดใบเหลืองปะมงไอยูยูของประเทศไทยและให้ใบเขียว เนื่องจากไทยได้มีการแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยูตามหลักสากลแล้ว จากการร่วมมือทำงานกันมาตลอด3ปีจนสามารถเดินทางมาไกลและจะร่วมกันในการแก้ไขปัญหาไอยูยูในโลกและภูมิภาคเอเชียด้วย
"ในเรื่องการปลดใบเหลืองและให้ใบเขียว ยืนยันว่าอียูไม่มีเรื่องการเมือง จากนี้อียูกับไทยจะทำงานใกล้ชิดกันเพื่อแก้ไขในประเทศอื่นๆที่ยังมีการทำประมงผิดกฎหมายเช่นกัมพูชา ไต้หวัน ศรีลังกา ซึ่งอียูเห็นว่า การเตือนโดยการให้ใบเหลือง หรือใบแดง กับประเทศที่ทำประมงผิดกฎหมาย งดการนำเข้าสินค้าเข้ากลุมอียูถือว่าเป็นเครื่องมือที่ดีและได้ผล ดังนั้นขอแสดงความยินดีกับประเทศไทย"นายเวลลากล่าว
นอกจากนั้น อียูขอแสดงความยินดีที่ไทยได้แสดงท่าทีในการแก้ไขปัญหาแรงงานและการค้ามนุษย์โดยการลงนามในอนุสัญญาC188ซึ่งจากนี้อียูจะดำเนินการให้นานาประเทศแสดงท่่าทีเหมือนกับประเทศไทย
ด้าน พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ กล่าวภายหลังนายเคอเมนู เวลลา กรรมาธิการยุโรปด้านสิ่งแวดล้อม กิจการทางทะเล และประมง ประกาศแถลงการณ์ผลการพิจารณาปลดใบเหลืองประมงไอยูยูของประเทศไทย ซึ่งเป็นเพียงประเทศเดียวที่ได้รับการพิจารณาในครั้งนี้ ณ สำนักงานใหญ่คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม ว่า
ถือเป็นความสำเร็จและน่ายินดีที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยูมาโดยตลอด เพราะตั้งแต่ประเทศไทยได้ใบเหลืองเมื่อเดือนเมษายน 2558 ก็ได้ได้มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย อย่างเต็มที่
จนสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งระบบ ทั้งด้านกรอบกฎหมาย การบริหารจัดการประมง การบริหารจัดการกองเรือ การติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS) การตรวจสอบย้อนกลับ และการบังคับใช้กฎหมาย ความมุ่งมั่นทั้งหมดส่งผลให้สหภาพยุโรปปลดใบเหลืองให้กับไทย ทั้งนี้เป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จที่ไทยได้ยกระดับของการทำประมงเชิงพาณิชย์ ทั้งในและนอกน่านน้ำเข้าสู่มาตรฐานสากล และพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกับสหภาพยุโรปในการส่งเสริมการประมงอย่างยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค
พลเอกฉัตรชัย ยังกล่าวด้วยว่า จากนี้ไปรัฐบาลไทยก็ยังมีความมุ่งมั่น ที่จะขจัดปัญหาการทำประมงไอยูยู
เพราะตระหนักดีถึงความจำเป็นที่จะต้องรักษาความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่ออนุชนรุ่นหลัง พร้อมกันนี้ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กำกับดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเชื่อมั่นว่าไทยได้วางรากฐานระบบป้องกันการทำประมงไอยูยู ไว้อย่างสมบูรณ์ทั้ง6ด้านคือ 1. ด้านกฎหมาย 2. ด้านการบริหารจัดการประมง 3. ด้านการบริหารจัดการกองเรือ 4 ด้านการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS) 5. ด้านการตรวจสอบย้อนกลับ และ 6. ด้านการบังคับใช้กฎหมาย
ส่วน การดำเนินการระยะต่อไปหลังการเจรจาระดับทวิภาคีร่วมกับนายเคอเมนู เวลลา แล้ว ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันเกี่ยวกับแผนงานความร่วมมือในอนาคตกับสหภาพยุโรปเพื่อให้ไทยบรรลุการเป็นประเทศปลอดประมงไอยูยู หรือ ไอยูยูฟรีได้โดยสมบูรณ์ต่อไป
นายเคอเมนู เวลลา กรรมาธิการยุโรปด้านสิ่งแวดล้อม กิจการทางทะเล และประมง กล่าวรู้สึกยินดีที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ของประเทศไทย พร้อมกันนี้ได้ย้ำถึงความสัมพันธ์ที่มีมานานจะทำให้การแก้ปัญหาประสบความลำเร็จยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในการหารือร่วมกันของรัฐบาลไทยและสหภาพยุโรปมีความยินดีที่จะประกาศให้ประเทศไทยปลดปลดใบเหลือง ในกลุ่มประเทศที่ทำประมงผิดกฎหมาย และขอแสดงความยินดีกับรองนายกรัฐมนตรี สำหรับความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่น ในการทำให้การปฏิรูปนี้เป็นไปได้