posttoday

เจาะลึกรัฐธรรมนูญ 3 สี น้ำเงิน -แดง -ส้ม : ศึกชี้ทิศทางการเมืองไทย

14 ตุลาคม 2568

จับตาศึกใหญ่รัฐสภา 14–15 ต.ค.68 “ภูมิใจไทย–เพื่อไทย–ประชาชน” เปิดเกมชิงร่างแก้รัฐธรรมนูญคนละสี บททดสอบอำนาจ–อุดมการณ์ และอนาคตกติกาใหม่ของประเทศ

KEY

POINTS

  • พรรคการเมือง 3 พรรคหลัก (ภูมิใจไทย-สีน้ำเงิน, เพื่อไทย-สีแดง, ประชาชน-สีส้ม) เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่แตกต่างกัน โดยมีประเด็นขัดแย้งสำคัญคือที่มาและวิธีการคัดเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
  • ร่างของแต่ละพรรคสะท้อนอุดมการณ์ทางการเมืองที่ต่างกัน โดยร่างสีน้ำเงินเน้นอำนาจรัฐสภา, ร่างสีแดงเป็นแนวทางประนีประนอม และร่างสีส้มให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมจากประชาชนมากที่สุด
  • การตัดสินใจเลือกร่างรัฐธรรมนูญในรัฐสภาขึ้นอยู่กับสมการอำนาจทางการเมือง โดยเสียงของวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งทำให้ร่างของพรรคภูมิใจไทยมีโอกาสผ่านมากที่สุด

สมรภูมิรัฐสภา – จุดตัดการเมืองไทยรอบใหม่

การประชุมรัฐสภาวันที่ 14–15 ตุลาคมนี้ จะเป็น “จุดตัดทางการเมือง” ที่อาจกำหนดอนาคตของรัฐธรรมนูญไทยทั้งฉบับ เมื่อ 3 พรรคการเมืองใหญ่ พรรคภูมิใจไทย (สีน้ำเงิน), พรรคเพื่อไทย (สีแดง) และพรรคประชาชน (สีส้ม) ต่างนำเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในทิศทางตนเอง ชิงพื้นที่ทางอุดมการณ์และยุทธศาสตร์การเมือง

เบื้องหลังเวทีถกเถียงนี้มีมากกว่าการต่อสู้เรื่อง “ตัวบทกฎหมาย” เพราะคือการช่วงชิงความชอบธรรมและอำนาจกำหนด “กติกาใหม่ของประเทศ” ที่จะมีผลยาวไกลถึงการเลือกตั้งในอนาคต ไม่เพียงสะท้อนความคิดต่อระบอบประชาธิปไตย แต่ยังเผยว่าใครจะเป็นผู้ออกแบบโครงสร้างอำนาจในอนาคตหลังยุคการเมืองแบบเปลี่ยนขั้ว

จุดเปลี่ยนจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ – “ไม่ถามแต่แถม”

ต้นทางศึก “รัฐธรรมนูญ 3 สี” เริ่มจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ตอบข้อหารือของประธานรัฐสภาเกี่ยวกับอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ประเด็นที่ถูกถามจะเป็นเพียงหลักการทั่วไป แต่ศาลกลับ “เพิ่มประเด็น” โดยระบุว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงได้”

คำวินิจฉัยนี้กลายเป็นตัวเปลี่ยนเกม เพราะเป็นการ “ปิดประตู” แนวทางที่เคยใช้ในปี 2540 ซึ่งเปิดให้ประชาชนเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยตรง และบีบให้ทุกพรรคต้องออกแบบโมเดล สสร. ที่ “ยึดโยงกับรัฐสภา” มากกว่าประชาชน

ภายใต้กรอบที่ศาลกำหนด พรรคการเมืองจึงต้องหาทาง “เลี่ยงในกรอบ” คือหาวิธีให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่รัฐสภามีบทบาทชี้ขาดสุดท้าย ซึ่งนี่เองเป็นจุดกำเนิดของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ที่แต่ละพรรคเลือกใช้คนละสูตรตามอุดมการณ์และผลประโยชน์ทางการเมือง

ถอดรหัส 3 สี – 3 โมเดลรัฐธรรมนูญใหม่

  • ร่างสีน้ำเงิน – ภูมิใจไทย: “อนุรักษ์นิยมแบบควบคุมได้”

ร่างของพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล เสนอโมเดล สสร. 99 คน อ้างอิงแนวทางรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือกตัวแทนจังหวัดละ 1 คน (77 คน) จากผู้สมัครที่ประชาชนเสนอชื่อ และแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิอีก 22 คน จากสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ก่อนตั้งคณะกรรมการยกร่าง 25 คน ซึ่งสองในสามต้องมาจาก สสร.

แนวทางนี้ถูกมองว่า “ปลอดภัยที่สุด” ในสายตาวุฒิสภา เพราะยังรักษาโครงสร้างอำนาจของรัฐสภาไว้ได้เต็มที่ ไม่เปิดช่องให้ประชาชนเข้ามาโดยตรงมากเกินไป และเอื้อต่อการต่อรองทางการเมืองในสภา เป็นโมเดลที่สะท้อนจุดยืนของภูมิใจไทยในฐานะ “ตัวกลางแห่งความมั่นคง” ที่ไม่ท้าทายระเบียบอำนาจเดิม

  • ร่างสีแดง – เพื่อไทย: “ลูกผสมระหว่างการเลือกตั้งกับการแต่งตั้ง”

ร่างของพรรคเพื่อไทย เสนอโดย ชูศักดิ์ ศิรินิล มี สสร. ทั้งหมด 140 คน แบ่งเป็น 100 คนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในเบื้องต้น (โดยรัฐสภาจะคัดเลือกจาก 200 คนที่ได้คะแนนสูงสุด) และอีก 40 คนมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ

จุดเด่นคือพยายามสร้าง “สมดุลทางการเมือง” ระหว่างเสียงประชาชนกับกลไกรัฐสภา เพื่อไทยใช้แนวคิด “เลือกตั้งได้แต่ต้องผ่านสภาเห็นชอบ” เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดของศาลรัฐธรรมนูญ ในทางการเมือง นี่คือความพยายาม “กู้ภาพประชาธิปไตย” โดยไม่ชนกับอำนาจเดิม และยังรักษาช่องทางต่อรองกับกลุ่มวุฒิสภาไว้ได้

  •  ร่างสีส้ม – พรรคประชาชน: “ทางเลือกจากฐานราก”

พรรคประชาชน ภายใต้การนำของ พริษฐ์ วัชรสินธุ เสนอ สสร. 135 คน โดยให้ประชาชนเลือกตัวแทนระดับจังหวัด (1–5 คนต่อจังหวัด) ก่อนให้รัฐสภาคัดเลือกจากรายชื่อเหล่านั้นให้ครบจำนวน

แม้ยังต้องผ่านสภา แต่โมเดลนี้ให้ความสำคัญกับ “การเริ่มต้นจากประชาชน” มากที่สุดในสามร่าง สะท้อนอุดมการณ์แบบมีส่วนร่วมและโปร่งใส ทว่าในมุมมองทางการเมืองจริง กลับถูกมองว่า “สุดโต่งเกินไป” สำหรับกลไกรัฐสภาและวุฒิสภาที่ต้องการความควบคุมในกระบวนการ

 

เปรียบเทียบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 สี
ประเด็นหลัก ภูมิใจไทย (สีน้ำเงิน) เพื่อไทย (สีแดง) ประชาชน (สีส้ม)
จำนวน สสร. 99 คน 140 คน 135 คน
ที่มา รัฐสภาเลือกตัวแทนจังหวัด + แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ รัฐสภาเลือกจากผู้สมัครที่ประชาชนเลือก + ผู้ทรงคุณวุฒิ รัฐสภาเลือกจากผู้ผ่านการเลือกตั้งระดับจังหวัด
จุดยืนทางการเมือง อนุรักษ์นิยม–มั่นคง ประนีประนอม ยึดประชาชน–ก้าวหน้า

 

สมการอำนาจ – ใครชนะบนเวทีสภา

แม้ทั้งสามร่างจะมีจุดขายต่างกัน แต่การชี้ขาดจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “หลักการประชาธิปไตย” เพียงอย่างเดียว ทว่าขึ้นอยู่กับ “สมการอำนาจในรัฐสภา” ซึ่งยังคงมีวุฒิสภาเป็นตัวแปรสำคัญ

ตามรัฐธรรมนูญ การแก้ไขต้องใช้เสียงเกินครึ่งของรัฐสภา และต้องมีเสียง ส.ว. เห็นชอบอย่างน้อยหนึ่งในสาม (67 เสียง)
ในสมการนี้ ร่างของภูมิใจไทยมีความได้เปรียบชัดเจน เพราะได้รับแรงหนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลและฐานเสียง ส.ว. ที่สอดคล้องกับแนวคิด “รัฐสภาเป็นศูนย์กลาง” ขณะที่ร่างเพื่อไทยแม้มีเสียงมากในสภาผู้แทนฯ แต่ยังต้องต่อรองกับ ส.ว. ส่วนร่างประชาชนแทบไม่มีโอกาสผ่าน เนื่องจากถูกมองว่า “แรงเกินไป” สำหรับบริบทอำนาจปัจจุบัน

ในทางยุทธศาสตร์ การยอมถอยครึ่งก้าวของภูมิใจไทย กลับทำให้พรรคได้เปรียบ เพราะสามารถเป็น “คนกลาง” ที่รวบรวมเสียงทั้งจากฝ่ายอนุรักษ์และฝ่ายปฏิรูปได้โดยไม่เผชิญแรงต้านมากนัก

ทางยาวยกร่างรธน. – จากสภาถึงประชามติ

แม้จะมีการลงมติเลือกร่างหลักในกลางเดือนตุลาคม แต่เส้นทางสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยังอีกยาวไกล
หลังการเลือกร่างหลัก จะเข้าสู่กระบวนการกรรมาธิการพิจารณา 30 วัน ก่อนกลับเข้าสภาเพื่อลงมติอีกครั้งภายใน 60 วัน และสุดท้ายต้องผ่านประชามติจากประชาชนทั่วประเทศ

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันทางเวลา เนื่องจากรัฐบาลถูกคาดหมายว่าอาจยุบสภาภายในต้นปี 2569 เพื่อเลือกตั้งใหม่ในเดือนมีนาคม หากร่างแก้ไขไม่แล้วเสร็จทัน จะตกไปโดยอัตโนมัติ ดังนั้น ร่างที่ “สั้น กระชับ และเสี่ยงน้อย” อย่างของภูมิใจไทยจึงเป็นตัวเลือกที่เดินหน้าได้เร็วที่สุด

บทสรุป – รัฐธรรมนูญ 3 สีในสมรภูมิเดียว

ศึก “รัฐธรรมนูญ 3 สี” ไม่ได้สะท้อนเพียงแนวคิดทางกฎหมาย แต่สะท้อน “เส้นแบ่งทางอุดมการณ์และอำนาจ” ของการเมืองไทยในยุคเปลี่ยนผ่าน

  • สีน้ำเงิน คือ เส้นทางของความมั่นคงและต่อรองได้
  • สีแดง คือ ทางสายกลางของการประนีประนอม
  • สีส้ม คือ การท้าทายเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน

ผลการลงมติในวันที่ 14–15 ตุลาคมนี้ จะสะท้อนว่า “ประเทศไทยพร้อมเดินไปทางไหน” ระหว่างการรักษาระเบียบเดิม หรือการเปิดประตูสู่โครงสร้างการเมืองใหม่ที่ประชาชนมีเสียงจริงในกติกาสูงสุดของระบอบประชาธิปไตย

ข่าวล่าสุด

Alex Dilling at Lord Jim's เปิดตัวเมนูฤดูหนาวสุดหรู สัมผัสศิลปะครัวยุโรป