posttoday

รัฐบาลอนุทิน วางเกมปลุกชาตินิยม แก้ปมป่วนด่านชายแดนไทย-กัมพูชา

23 กันยายน 2568

สถานการณ์ด่านชายแดนไทย–กัมพูชาตึงเครียด รัฐบาลอนุทินมอบอำนาจเต็มให้กองทัพ ปิดด่าน–สร้างรั้ว–พร้อมสู้ ย้ำรักษาอธิปไตยไทยเหนือทุกเงื่อนไข

KEY

POINTS

  • รัฐบาลอนุทิน 1 ใช้ท่าทีแข็งกร้าวและปลุกกระแสชาตินิยมในประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่
  • รัฐบาลมอบอำนาจเต็มให้กองทัพจัดการปัญหาชายแดนภายใต้กฎอัยการศึก นำไปสู่ยุทธศาสตร์ "ปิด-สร้าง-สู้" คือการปิดด่าน สร้างรั้วถาวร และพร้อมตอบโต้การรุกล้ำอธิปไตย
  • ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นหลังเหตุปะทะที่บ้านหนองหญ้าแก้ว แม้จะสร้างคะแนนนิยมระยะสั้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจชายแดนและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

รัฐบาลใหม่กับการวางเกม “ชาตินิยม”

การเมืองไทยหลังการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐบาล “อนุทิน 1” เพิ่งเริ่มต้น แต่แรงสั่นสะเทือนกลับก้องกังวานไปถึงแนวชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างรวดเร็ว เพราะนับแต่วันแรก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกใช้การเมืองเชิงสัญลักษณ์ที่แข็งกร้าว ประกาศว่า “ผมเป็นนายกฯ ของคนไทย ไม่ใช่นายกฯ ของเพื่อนบ้าน” สะท้อนท่าทีที่ต้องการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนภายใน ขณะเดียวกันก็วางฐานทางการเมืองในเชิงชาตินิยมและอนุรักษ์นิยมอย่างชัดเจน

รัฐบาลชุดนี้ตั้งเป้าจะยุบสภาภายใน 120 วันหลังแถลงนโยบาย (คาดราวปลายเดือนมกราคม 2569) เพื่อเปิดทางสู่การเลือกตั้งใหม่ พรรคภูมิใจไทยหวังจะขยายเก้าอี้ ส.ส.เกิน 120 ที่นั่ง โดยใช้ประเด็น “ปกป้องอธิปไตย” และการแก้ปัญหาชายแดนเป็นเครื่องมือสร้างกระแสความนิยม อาศัยเครือข่ายการเมืองท้องถิ่น “บ้านใหญ่” ผนวกกับอารมณ์รักชาติที่ถูกกระตุ้นให้สูงขึ้นจากเหตุปะทะชายแดน

การเลือกทางการเมืองเช่นนี้สะท้อนว่า สำหรับรัฐบาลอนุทิน “ชายแดน” ไม่ใช่เพียงพื้นที่ความมั่นคง หากแต่เป็นเวทีสร้างทุนทางการเมือง ที่พร้อมใช้เพื่อกำหนดทิศทางการเลือกตั้งครั้งหน้า

กองทัพกับยุทธศาสตร์ “ปิด–สร้าง–สู้”

จุดแข็งของรัฐบาลอนุทิน คือการ “มอบอำนาจเต็ม” ให้กับกองทัพในทุกมิติของการจัดการชายแดน เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 นายกรัฐมนตรีระบุชัดว่า พื้นที่ดังกล่าวประกาศกฎอัยการศึกแล้ว อำนาจตัดสินใจเป็นของฝ่ายทหารโดยตรง รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนการทูตและกำกับภาพรวมการเจรจา

ที่ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพได้กำหนดยุทธศาสตร์ 3 คำชัดเจน “ปิด–สร้าง–สู้”

ปิด : ยังคงมาตรการปิดด่านกับกัมพูชาต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่เป็นภัยคุกคาม แม้กระทบเศรษฐกิจชายแดนแต่ถือเป็นการสื่อสารทางการเมืองถึงความเด็ดขาด

สร้าง : เดินหน้าเร่งสร้างรั้วชายแดนถาวร เพื่อตรึงแนวเขตและป้องกันมวลชนกัมพูชารื้อรั้วหรือรุกล้ำ

สู้ : หากมีการละเมิดอธิปไตย ให้ใช้กฎการป้องกันตัวตามสากล พร้อมตอบโต้ทันที

แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แสดงความมั่นใจหลังได้รับ “ไฟเขียว” จากนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะจัดการทุกสถานการณ์ ตั้งแต่การควบคุมม็อบชายแดน การสกัดโดรน ไปจนถึงการจัดการทุ่นระเบิด ขณะเดียวกันยังตั้งข้อสังเกตว่ากัมพูชาไม่เคยปฏิบัติตามข้อตกลงถอนอาวุธหนัก มีแต่เพิ่มกำลังในพื้นที่

การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และระดับภูมิภาค (RBC) กลายเป็นเพียงพิธีกรรมที่ไม่ก่อผลจริง ท่ามกลางเสียงเตือนว่า หากกัมพูชายังยั่วยุต่อไป ไทยอาจปิดประตูการพูดคุยในอนาคต

ผลสะเทือนและความเสี่ยงทางการเมือง

เหตุการณ์ปะทะที่ “บ้านหนองหญ้าแก้ว” จังหวัดสระแก้ว กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อมวลชนกัมพูชารื้อรั้วชายแดนจนเกิดการบาดเจ็บของตำรวจไทย 4 นาย

กองทัพยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยไทยเต็มร้อย ขณะที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต เดินหน้าแจ้งผู้นำโลก กล่าวหาไทยต้องการยึดพื้นที่ 17 จุด ทำให้ปัญหาชายแดนกลายเป็นวาระระหว่างประเทศ

ในมุมของการเมืองไทย การยืนหยัดของรัฐบาลอนุทินแม้สร้างคะแนนนิยมระยะสั้น แต่ก็แฝงด้วยความเสี่ยงสูง ทั้งความเปราะบางของเศรษฐกิจชายแดนที่ถูกตัดขาด ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อาจเสื่อมถอย และแรงกดดันจากมหาอำนาจที่ไม่ต้องการให้ความขัดแย้งปะทุรุนแรง

ทว่าด้วยกรอบเวลาเพียง 4 เดือนของรัฐบาลเสียงข้างน้อย การเลือกใช้ “การเมืองแข็งกร้าว” ต่อกัมพูชาอาจเป็นกลยุทธ์เร่งเร้าอารมณ์ชาตินิยม เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้ง โดยไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบผลเสียระยะยาวเต็มที่

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในห้วงเวลานี้ จึงไม่ใช่เพียงปัญหาความมั่นคง หากแต่เป็นเกมการเมืองที่ผูกพันระหว่างรัฐบาลอนุทินกับกองทัพอย่างเหนียวแน่น การประกาศ “ปิด–สร้าง–สู้” คือการเลือกเส้นทางแข็งกร้าวที่อาจทำให้ไทยยืนหยัดได้ในสายตาประชาชน แต่ขณะเดียวกันก็เสี่ยงนำประเทศเข้าสู่ภาวะเผชิญหน้าทั้งในภูมิภาคและเวทีโลก

สิ่งที่ต้องติดตามต่อไป คือรัฐบาลจะรักษาสมดุลอย่างไร ระหว่างการปกป้องอธิปไตยและการสร้างทุนทางการเมือง โดยไม่ทำให้ไทยสูญเสียพื้นที่แห่งความไว้วางใจในประชาคมโลก และไม่ทำให้ชายแดนกลายเป็น “ระเบิดเวลา” ที่ยากจะควบคุม

ข่าวล่าสุด

กต.ชี้ กัมพูชาปิดด่านห้ามคนไทยกลับประเทศขัดกฎหมายระหว่างประเทศ