เงิน-สีกาเขย่าสงฆ์ "ทิดสฤษดิ์"อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณสู่ฆาราวาส
จากพระราชาคณะชั้นธรรม สู่ "ทิดสฤษดิ์" หลังลาสิกขาพร้อมหลักฐานสัมพันธ์สีกาและทรัพย์สินปริศนา สะเทือนศรัทธา ตั้งคำถามระบบตรวจสอบสงฆ์ชั้นสูง
KEY
POINTS
- พระธรรมวชิรธีรคุณ พระราชาคณะชั้นธรรม ลาสิกขาอย่างกะทันหันหลังได้รับตำแหน่งเพียงหนึ่งเดือน โดยเบื้องต้นอ้างว่ามีปัญหาสุขภาพ
- หลักฐานจากตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เปิดโปงความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเศรษฐีนีชาวนครสวรรค์ พร้อมภาพถ่ายส่วนตัวและการโอนทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล
- เผชิญข้อกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีความไม่โปร่งใสในโครงการก่อสร้างพุทธอุทยาน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังขยายผลการตรวจสอบ
- จุดแตกหักของเรื่องราวมาจากความขัดแย้งในความสัมพันธ์กับหญิงสาวคนดังกล่าว ซึ่งนำไปสู่การร้องเรียนและเปิดโปงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทั้งหมด
กรณี "พระธรรมวชิรธีรคุณ": ตำนานที่พลิกผันจากผ้ากาสาวพัสตร์สู่ฆราวาส
เรื่องราวของ พระธรรมวชิรธีรคุณ หรือที่ปัจจุบันรู้จักกันในนาม "ทิดสฤษดิ์" เป็นอุทาหรณ์ที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทย สะท้อนให้เห็นถึงรอยร้าวในโครงสร้างที่ดูเหมือนมั่นคง และตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดของศาสนา
“ชั้นธรรม” ตำแหน่งอันทรงเกียรติและภาระหน้าที่
ในอาณาจักรแห่งผ้ากาสาวพัสตร์ สมณศักดิ์คือดวงดาวนำทางที่บ่งบอกถึงเกียรติภูมิและบทบาท พระราชาคณะนั้นถูกจัดลำดับอย่างพิถีพิถันเพื่อแสดงถึงความสำคัญในการปกครองและสืบทอดพระพุทธศาสนา มี 4 ชั้นหลักเป็นรากฐานคือ ชั้นสามัญ, ชั้นราช, ชั้นเทพ, และ ชั้นธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ชั้นธรรม” ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดในสี่ลำดับแรกนี้ เปรียบได้กับแม่ทัพใหญ่ที่ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเผยแผ่พระธรรมคำสอน การบริหารปกครองคณะสงฆ์ในระดับจังหวัดหรือภาค หรือแม้กระทั่งการเป็นกรรมการใน มหาเถรสมาคม องค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย ราชทินนามที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “พระธรรม...” จึงเป็นเสมือนตราประทับแห่งความศรัทธาและความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่
เส้นทางที่รุ่งโรจน์ของ "พระธรรมวชิรธีรคุณ" ก่อนการพลิกผัน
พระธรรมวชิรธีรคุณ หรือนามเดิม สฤษดิ์ สิริธโร ป.ธ.๙, รศ.ดร. คือบุคคลผู้หนึ่งที่เคยเปล่งประกายในวงการสงฆ์ ดำรงตำแหน่งสำคัญอย่างเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง ด้วยภูมิรู้ทางธรรมที่แตกฉานถึงขั้น เปรียญธรรม 9 ประโยค ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 และตำแหน่งทางวิชาการที่รองอธิการบดี มจร. วิทยาเขตนครสวรรค์ ท่านสร้างผลงานโดดเด่นมากมาย ทั้งด้านการศึกษาสงฆ์และการพัฒนาวัด
ชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ของท่านดูเหมือนจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด เมื่อได้รับสมณศักดิ์ "พระธรรมวชิรธีรคุณ" อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2566 แต่ใครจะคาดคิดว่าความรุ่งโรจน์นั้นจะคงอยู่เพียงชั่วข้ามคืน
ลมพายุแห่งหลักฐาน: จุดจบของสมณเพศ
วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ท่ามกลางความประหลาดใจของหลายฝ่าย ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าอาวาส โดยให้เหตุผลสั้นๆ ว่า "ปัญหาสุขภาพ" และในคืนวันที่ 19 กรกฎาคม2568 พระธรรมวชิรธีรคุณก็ได้ลาสิกขา ทิ้งผ้าเหลืองและสมณศักดิ์อันสูงส่งไว้เบื้องหลัง
แต่ความเงียบสงัดก็ถูกทำลายลงในไม่ช้า เมื่อข้อมูลและหลักฐานจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ(ปปป.) ปรากฏสู่สาธารณะ เผยให้เห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของ "ทิดสฤษดิ์" ในฐานะฆราวาส มันคือภาพที่ชวนตกตะลึง!
- ภาพเซลฟี่แนบชิดกับหญิงสาว ที่ถูกระบุว่าเป็นเศรษฐีนีจากนครสวรรค์
- ภาพที่ท่าน สวมวิกผม แต่งกายแบบฆราวาส ถ่ายรูปคู่กันในห้องส่วนตัว
- บทสนทนาทางแชต ที่เผยความสัมพันธ์เชิงชู้สาวราวกับคู่สามีภรรยา และการพูดถึงค่าใช้จ่ายรถยนต์
- หลักฐานการโอนทรัพย์สินมหาศาล ทั้งที่ดิน รถยนต์ และสร้อยเพชร ให้กับหญิงสาวคนนั้น
และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ ข้อมูลที่พาดพิงถึงการ ทุจริตเงินวัด รวมถึงความล่าช้าในโครงการก่อสร้างพุทธอุทยาน
ปลายทางของความขัดแย้ง: เมื่อความลับไม่มีในโลก
จุดแตกหักที่นำไปสู่การเปิดโปงครั้งนี้มาจากรอยร้าวในความสัมพันธ์ที่ดำรงมายาวนานถึง 15 ปีกับเศรษฐีนีคนดังกล่าว เมื่อพบว่า "ทิดสฤษดิ์" มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นอีกคน ความขัดแย้งจึงปะทุขึ้น และนำไปสู่การร้องเรียนโดยตรงต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)
เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่ง ขยายผล ตรวจสอบประเด็นการทุจริตเงินวัด และไล่ล่าหาที่มาของทรัพย์สินที่ถูกถ่ายโอนไป ทั้งหมดนี้คือการสะสางที่สังคมเฝ้ารอคอย
บทเรียนและการตั้งคำถามถึงอนาคตของพุทธศาสนา
กรณีของ "พระธรรมวชิรธีรคุณ" เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึง ความเปราะบางของตำแหน่งทางศาสนา เมื่อขาดกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลที่เป็นรูปธรรม โครงสร้างสมณศักดิ์ที่เคยเป็น "เกราะ" คุ้มครองเกียรติยศ อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้เกิดการกระทำที่ไม่โปร่งใส หากไร้ซึ่งกลไกการชี้แจงต่อสังคมที่เข้มแข็ง
คำถามที่ค้างคาใจสังคมไทยคือ การลาสิกขาก่อนที่ข้อเท็จจริงจะถูกเปิดโปงอย่างเต็มที่นั้น เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อพระศาสนา หรือเป็นการหลบเลี่ยงการตรวจสอบกันแน่?
เรื่องราวนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการปฏิรูปและการตรวจสอบเชิงระบบต่อผู้ดำรงตำแหน่งสูงในคณะสงฆ์ เพื่อรักษาซึ่งศรัทธาและความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา
ประเด็นร้อนนี้ยังคงถูกขยายผลทั้งในแง่ของ วินัยสงฆ์ และ คดีอาญา ซึ่งสังคมไทยต่างเฝ้ารอผลการสืบสวนอย่างใกล้ชิดด้วยความหวังว่าความจริงจะปรากฏและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในวงการสงฆ์.


