ศึกเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ เขต 5 สมรภูมิชำระแค้น นายใหญ่ VS ครูใหญ่
การเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ เขต 5 ไม่ใช่แค่เกมเปลี่ยนตัวสส. แต่คือ “สมรภูมิแห่งศักดิ์ศรี” "นายใหญ่" ปะทะ "ครูใหญ่"
สาระสำคัญ:
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งซ่อม ส.ส. จังหวัดศรีสะเกษ เขต 5 ภายใน 45 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 102 หลังตำแหน่งว่างลงจากการเสียชีวิตของนายอมรเทพ สมหมาย ส.ส.พรรคเพื่อไทย
คาดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะจัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 10 สิงหาคม 2568 ซึ่งจะเป็นมากกว่าการแข่งขันเพื่อชิงเก้าอี้ สส.เพียงหนึ่งที่นั่ง แต่สะท้อน "สงครามแค้น" ทางการเมืองระหว่างสองขั้วอำนาจ: พรรคนายใหญ่ "ทักษิณ ชินวัตร" และพรรคครูใหญ่ "เนวิน ชิดชอบ"
ศึกเดิมกลับมาในร่างใหม่: "แดง" ปะทะ "น้ำเงิน"
การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ มีสัญญาณชัดเจนว่าจะกลับไปสู่สภาพเดียวกับศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 ที่พรรคเพื่อไทยเปิดฉาก "ล้างบาง" เครือข่ายบ้านใหญ่ไตรสรณกุลของพรรคภูมิใจไทยใน จ.ศรีสะเกษ
ย้อนกลับไปในปี 2565 หัวหน้าพรรคเพื่อไทยขณะนั้น "แพทองธาร ชินวัตร"นำทีมเปิดยุทธการ “ไล่หนู ตีงูเห่า” ที่ศรีสะเกษเป็นจังหวัดแรก โดยล็อกเป้าพื้นที่ยุทธศาสตร์ 3 อำเภอ ได้แก่ อุทุมพรพิสัย ราษีไศล และขุนหาญ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของบ้านใหญ่ไตรสรณกุล และสามารถโค่นผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทยลงได้สำเร็จ โดยเฉพาะในเขต 5 ที่ "อมรเทพ สมหมาย"คว้าชัยชนะเหนือธีระ ไตรสรณกุล อดีต ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทย
เกมล้างแค้นยกใหม่ หลังสมรภูมิ อบจ.
แม้จะมีช่วงเวลาสงบหลังการจัดตั้งรัฐบาลผสมในปี 2566 ที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคภูมิใจไทยแบบข้ามขั้ว แต่ในระดับพื้นที่ การแข่งขันยังดุเดือดต่อเนื่อง
ในศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ศรีสะเกษ เดือนกรกฎาคม 2568 บ้านใหญ่ไตรสรณกุลสามารถล้างแค้นกลับคืนได้สำเร็จ “นายกสมเกลี้ยง” วิชิต ไตรสรณกุล จากพรรคภูมิใจไทย คว้าชัยเหนือ “วิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ” จากเพื่อไทยแบบถล่มทลาย ทิ้งห่างกว่าแสนคะแนน
นอกจากผลเลือกตั้งดังกล่าวจะเป็น “บาดแผลการเมือง” ของทักษิณซึ่งลงพื้นที่ช่วยหาเสียงด้วยตนเองแล้ว ยังมีช็อตเด็ดเชิงสัญลักษณ์คือการเดินทางของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ไปเยือนบ้านใหญ่ไตรสรณกุลทันทีหลังประกาศผล พร้อมโชว์ “คืนปี๊บ” แบบเย้ยยุทธศาสตร์ไล่หนูตีงูเห่าในอดีต
จุดแตกหัก: เปิดเกมชิง “มหาดไทย”
ปรากฏการณ์ที่พรรคภูมิใจไทยควบคุมตำแหน่งนายก อบจ. ได้หลายจังหวัด ส่งผลให้ “ทักษิณ” ตัดสินใจเปิดเกมใหญ่ ยึดคืน “กระทรวงมหาดไทย” จากพรรคภูมิใจไทยในการปรับ ครม.ล่าสุด เพื่อ “ตัดวงจรเครือข่ายสีน้ำเงิน” ที่กำลังวางฐานอำนาจในพื้นที่ท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยเฉพาะในสนามเลือกตั้งระดับเขต
นั่นหมายความว่า ศึกเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ เขต 5 จะกลายเป็นเวทีชิงความชอบธรรมเชิงสัญลักษณ์ของ “รัฐมนตรีมหาดไทยคนใหม่” จากพรรคเพื่อไทย ที่ต้องแสดงศักยภาพในการ “ยึดพื้นที่คืน” ภายใต้สถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างมี “แค้นฝังใจ” สะสมกันมาหลายปี
แนวโน้มและแรงปะทะ
ความเข้มข้นทางอารมณ์และสัญลักษณ์
เลือกตั้งซ่อมรอบนี้ไม่ใช่แค่การหาผู้แทนใหม่ แต่คือเวทีชำระแค้นระหว่าง “นายใหญ่” และ “ครูใหญ่” ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดราวาศอก
การกลับสู่สถานะขั้วตรงข้ามเต็มรูปแบบ
แม้จะเคยร่วมรัฐบาลผสมกันไม่นาน แต่ขณะนี้ทั้งพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยกลับมาอยู่คนละขั้วทางการเมืองอีกครั้ง ชนิดที่ไม่มีใครไว้ใจใคร
การลงแรงเต็มกำลังของทั้งสองฝ่าย
คาดการณ์ได้ว่าฝ่ายเพื่อไทยจะระดมทรัพยากรทั้งคน-ทุน-กลยุทธ์เต็มรูปแบบเพื่อไม่ให้พ่ายซ้ำ ขณะที่ฝ่ายภูมิใจไทยก็มุ่งย้ำชัยชนะต่อเนื่องจากสนาม อบจ. เพื่อขยายอิทธิพลในพื้นที่
บทสรุป:
เลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ เขต 5 ไม่ใช่แค่เกมเปลี่ยนตัว ส.ส. แต่คือ “สมรภูมิแห่งศักดิ์ศรี” ของ 2 ขั้วการเมืองไทย ที่เคยอยู่ร่วมเวทีและกำลังเปิดศึกล้างตากันอย่างดุเดือด เป็นบททดสอบสำคัญว่าใครจะเป็นผู้ครองใจประชาชนในพื้นที่ยุทธศาสตร์อีสานใต้ และเป็น “สัญญาณนำร่อง” ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย