มาตรา 144 รัฐธรรมนูญ 2560 เครื่องมือ "นิติสงคราม" สะเทือนรัฐบาล
มาตรา 144 รัฐธรรมนูญ 2560 กำลังถูกใช้เป็นอาวุธเชิงกฎหมายในศึกนิติสงคราม ปลดชนวนการเมือง เขย่ารัฐบาล สส.–สว. เสี่ยงสิ้นสภาพ-ยุบพรรค
มาตรา 144 ไม่ใช่แค่ “ข้อห้าม” แต่คือ “ระเบิดเวลา”
มาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ถูกเขียนขึ้นเพื่อ “ป้องกันการทุจริตงบประมาณ” แต่ในทางปฏิบัติ บทบัญญัตินี้กลายเป็น “เครื่องมือ” ที่มีศักยภาพในการพลิกสมดุลทางการเมืองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหากมีการบังคับใช้จริงจังผ่านกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ
สิ่งที่ต้องจับตาคือ “เจตนา” และ “การตีความ” ว่าการแปรญัตติงบประมาณนั้นเกิดขึ้นเพื่อตนเองหรือพวกพ้องหรือไม่ เพราะเพียงแค่ข้อกล่าวหา ก็สามารถโยงไปถึงการพิจารณาหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือยุบพรรคการเมืองได้ทันที
จุดเปลี่ยน: จากกลไกตรวจสอบ สู่ “นิติสงคราม”
ช่วงเวลาที่การเมืองเปราะบาง การที่มาตรา 144 ถูกนำมาใช้ตรวจสอบการจัดสรรงบประมาณที่มีลักษณะ “เอื้อรายกลุ่ม” อย่างชัดเจน เช่น กรณีงบภัยแล้งรายหัว ส.ส. หรือการโยกงบไปดิจิทัลวอลเล็ต นั้น อาจสะท้อน พฤติกรรมเชิงโครงสร้าง ที่เปิดช่องให้ฝ่ายค้านและกลุ่มผู้ตรวจสอบสามารถ “จู่โจม” รัฐบาลได้อย่างมีน้ำหนักทางกฎหมาย
นี่คือรูปแบบใหม่ของ “รัฐประหารเงียบ” ที่ไม่ใช้กำลังทหาร แต่ใช้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญเป็น “อาวุธชี้เป็นชี้ตาย” ให้กับฝ่ายบริหาร
ความเห็นตุลาการ: การันตี “ความเร่งด่วน”
คำให้สัมภาษณ์ของ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ยิ่งตอกย้ำว่า “คดีมาตรา 144” ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากมีมูล ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
นี่เท่ากับว่า ทุกการร้องเรียน สามารถจุดชนวนวิกฤตการเมืองได้ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ต่อจากนี้
ผลสะเทือนเป็นลูกโซ่: ไม่ใช่แค่ “คน” แต่สถาบันทางการเมืองอาจล้ม
หากศาลวินิจฉัยว่ามีความผิดจริง สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่แค่การตัดสิทธิ์บุคคล แต่นำไปสู่ผลกระทบรุนแรงระดับโครงสร้าง เช่น
- พรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องอาจถูก ยุบ
- สส. – สว. อาจ สิ้นสภาพโดยอัตโนมัติ
- วุฒิสภาอาจ สูญเสียความชอบธรรม หากจำนวนสมาชิกลดต่ำกว่า 100 คน
- ผู้นำรัฐบาลอาจต้อง พ้นตำแหน่ง หากเกี่ยวข้อง
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า มาตรา 144 เป็นมากกว่าข้อกฎหมาย แต่คือ “กลไกเปลี่ยนเกม” ทางอำนาจ
สัญญาณอนาคต: เกมกฎหมายกับเกมอำนาจ ใครได้เปรียบ?
ในมุมหนึ่ง การนำมาตรา 144 มาใช้ตรวจสอบการทุจริตงบประมาณคือ ชัยชนะของหลักธรรมาภิบาล
แต่อีกมุมหนึ่ง มันอาจกลายเป็น “กลไกอ้างธรรมาภิบาล” เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการโค่นอำนาจทางการเมือง
ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า…
- ใครเป็นผู้ยื่นร้อง?
- ศาลรัฐธรรมนูญตีความอย่างไร?
- สังคมไทยมีภูมิต้านทานต่อการ “ใช้กฎหมายเป็นอาวุธ” หรือไม่?
บทสรุป
มาตรา 144 อาจไม่ใช่แค่บทบัญญัติสำหรับตรวจสอบงบประมาณอีกต่อไป
แต่มันอาจเป็น "เช็คเมท" ที่ทำให้เกมอำนาจในรัฐสภาไทยเปลี่ยนไปตลอดกาล
และคำถามสำคัญคือ...
ใครจะเป็นรายต่อไปที่ถูก “เล่นงาน” ด้วยอาวุธทางกฎหมายนี้?
และประเทศไทยจะเดินหน้าผ่านศึกนิติสงครามนี้อย่างไรโดยไม่เสียหายทั้งระบบ?
อมรเดช ชูสุวรรณ
บก.ข่าวและคอลัมนิสต์เชี่ยวชาญวิเคราะห์ข่าวประเด็นสังคมร้อนแรง
ด้วยสไตล์เขียนคมชัด ตรงประเด็น และมีมุมมองเฉพาะตัว


