ไขความลับ! ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทย พีคสุดรอบทศวรรษ

     ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ร้านค้าออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดดและกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หากสำรวจเส้นทางปัจจัย หรือเหตุการณ์ที่สำคัญในการเติบโตของร้านค้าออนไลน์ จะพบเบื้องหลังสำคัญที่ซ่อน และนำพาให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในโลกยุคดิจิทัลไลฟ์

     จากปี 2559 ถึงปัจจุบัน ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 2.52 ล้านล้านบาท ในปี 2559 เป็น 6.94 ล้านล้านบาท ในปี 2567 ไตรมาสแรก หรือคิดเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดกว่า 175% เผยให้เห็นถึงพลังการเติบโตที่น่าทึ่งของธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทย ซึ่งเกิดจาก 3 ปัจจัยสำคัญได้แก่ 
 
     ปัจจัยที่ 1 การเข้าถึงเทคโนโลยี จุดประกายการมาของอีคอมเมิร์ซเทคโนโลยีเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตของร้านค้าออนไลน์ ตั้งแต่การพัฒนาของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง การใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงการพัฒนาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย การสื่อสารและการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลกลายเป็นเรื่องที่สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

     ปัจจัยที่ 2 พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง จากรายงานของ PwC พบว่า 50% ของผู้บริโภคชาวไทย เปลี่ยนมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น และมีปัจจัยเร่งในช่วงการระบาดของโควิด ทำผู้บริโภคไม่สามารถออกไปเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย ผู้บริโภคเข้าสู่โลกแห่งการช้อปสินค้าออนไลน์อย่างรวดเร็ว พบว่า 47% ของผู้บริโภคใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบเพื่อดูว่า มีสินค้าที่พวกเขาต้องการหรือไม่ และ 30% ซื้อสินค้าจากหลายๆแหล่งเพื่อให้ได้ของที่ต้องการนั่นเอง

     และปัจจัยสุดท้าย ที่ถือเป็นประตูสู่ความสำเร็จของร้านค้าออนไลน์ คือ กลยุทธ์ชัดเจน ตอบโจทย์ Pain Point การสร้างการเติบโตให้กับร้านค้าออนไลน์ สิ่งสำคัญในการมีกลยุทธ์ที่สามารถตอบโจทย์ Pain Point ของผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าร้านค้าจำนวนไม่น้อยสามารถปรับตัว คิดกลยุทธ์ที่สามารถสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้ ซึ่งสะท้อนออกมาให้เห็นได้จากตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ใน 1ทศวรรษที่ผ่านมา

     ด้วยปัจจัยและเหตุการณ์ต่างๆในโลกอีคอมเมิร์ชไทย ได้สร้างรูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความถูก เร็ว และน่าเชื่อถือ ซึ่งส่งผลให้ร้านค้าออนไลน์ต้องปรับตัวให้สามารถตอบกลับความต้องการของลูกค้าได้ไว พร้อมคงไว้ซึ่งคุณภาพของสินค้า ภายใต้แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และที่สำคัญการมีระบบหลังบ้านก็ที่แข็งแรง เป็นกำลังส่งสำคัญให้ร้านค้าออนไลน์ สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง 

     ระบบหลังบ้าน(Back-end System)มีบทบาทสำคัญในการจัดการและดำเนินงานของร้านค้าออนไลน์ การมีระบบหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพช่วยให้การจัดการสต๊อกสินค้า การประมวลผลคำสั่งซื้อ การจัดการคลังสินค้าและการติดตามการจัดส่งเป็นไปอย่างราบรื่น โดย ZORT ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 9 ปีเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจร้านค้าออนไลน์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมกับสามารถลดต้นทุนและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้ อันนำมาซึ่งรายได้และผลกำไรของร้านค้าออนไลน์

     สำหรับกลยุทธ์ที่น่าจับตามองในปี 2567 นี้ ในยุคที่ภูมิทัศน์ อีคอมเมิร์ซ ไทยมีการแข่งขันสูงขึ้น เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น ควรโฟกัส กับ 3 กลยุทธ์หลัก คือ  

     1.Affiliate Marketing กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ใช้ผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเดีย หรือ อินฟลูเอนเซอร์โปรโมตสินค้า เมื่อมีผู้ซื้อสินค้าผ่านลิงก์ที่อินฟลูเอนเซอร์แชร์ ธุรกิจจะจ่ายค่าคอมมิชชันให้กับอินฟลูเอนเซอร์คนนั้น 

     2.Social Commerce การขายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, TikTok ธุรกิจสามารถสร้างหน้าร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แชร์รูปภาพหรือวิดีโอสินค้า โต้ตอบกับลูกค้า และรับคำสั่งซื้อ ผ่านแพลตฟอร์มได้ทันที  

     3.Live Commerce การขายสินค้าหรือบริการผ่านการถ่ายทอดสดวิดีโอ ร้านค้าออนไลน์สามารถสาธิตการใช้งานสินค้า ตอบคำถามลูกค้า และกระตุ้นให้เกิดการซื้อได้เป็นอย่างดี 
 
     การเติบโตของร้านค้าออนไลน์ในห้วงเวลา 10ปีที่ผ่านมาเป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ร่วมกัน ทั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง กลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ และระบบหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพ และหลังจากนี้การที่ผู้ประกอบการทำความเข้าใจและปรับตัวตามปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจร้านค้าออนไลน์สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต 

บทความโดย : สวภพ ท้วมแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซอร์ทเอาท์ จำกัด