เปิดกลยุทธ์ยกระดับอาหารฮาลาล คู่ อาหารแห่งอนาคต เจาะตลาดตะวันออกกลาง
ท่ามกลางการแข่งขันของนักลงทุนชั้นนำระดับโลก เพื่อช่วงชิงการครองส่วนแบ่งการตลาด ในทุกอุตสาหกรรมที่ขยายตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ทุกอุตสาหกรรมต้องปรับตัวและพัฒนาเพื่อต่อยอดธุรกิจในระยะยาว ต่างงัดกลยุทธ์สำคัญเป็นเครื่องมือเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อลดต้นทุนการผลิตและสร้างกำไรจากเม็ดเงินการเพิ่มยอดขายในตลาดโลก
อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) เป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่น่าจับตามอง เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีความพร้อมด้านพื้นที่เกษตรกรรมและวัตถุดิบทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ และมีสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นผลผลิตจากพืชผักและผลไม้ รวมทั้งผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการผลิตและแปรรูปสินค้าอาหาร
Future Food คืออะไร
“อาหารอนาคต” (Future Food) ในคำจำกัดความของ Food and Drug Administration (FDA) มีการใช้คำว่า “อาหารสุขภาพ” (Healthy Food) ที่เน้นโภชนาการของอาหารเป็นหลัก เพราะ FDA มองว่าการที่อาหารมีโภชนาการที่ดีนั้น จะส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชน สำหรับสหภาพยุโรปใช้คำว่า “ระบบอาหาร” (Food System) ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทรัพยากรหายาก มลพิษและของเสีย ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ โรคระบาดและประชากร เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจสีเขียวยุโรป (European Green Deal)
นโยบายหนึ่งที่สำคัญของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน คือ การส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอาหารไทยสู่อุตสาหกรรมอาหารอนาคตควบคู่กับการเปิดตลาดใหม่ในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านอาหารที่กว้างขวางมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางที่ผู้บริโภคมีความนิยมชมชอบผลิตภัณฑ์อาหารไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นับเป็นข่าวดีเมื่อประเทศไทยเปิดประตูสานสัมพันธ์อันดีกับประเทศซาอุดีอารเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชาชากรมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ และเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลาง ถือว่าเป็นโอกาสทองในการสร้างความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนของทั้งสองประเทศ เพื่อขยายตลาดของผลิตภัณฑ์อาหารไทยสู่ประเทศกลุ่มมุสลิมที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
จากข้อมูลสถิติประชากรโลกของศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) พบว่า ในปี พ.ศ. 2565 มีประชากรนับถือศาสนาอิสลาม 1.9 พันล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.54 ของประชากรโลก แสดงให้เห็นว่าตลาดผู้บริโภคชาวมุสลิม ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่น่าสนใจ อีกทั้งผู้บริโภคชาวมุสลิมมีแนวโน้มการใช้จ่ายขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และในปี พ.ศ. 2564 ตลาดอุตสาหกรรมฮาลาลโลกมีขนาดถึง 2.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 60 ของอุตสาหกรรมฮาลาลทั้งหมด
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า การเติบโตของตลาดอุตสาหกรรมฮาลาลทั้งหมด จะขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 7.5 ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน 2566 ไทยมีบริษัทที่ได้รับรองมาตรฐานฮาลาลกว่า 15,000 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองฮาลาลมากกว่า 166,000 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม คิดเป็นร้อยละ 82.10
สิ่งสำคัญที่ถือเป็น “กุญแจหลัก” ในการไขประตูตลาดใหญ่ตะวันออกกลาง คือ ผลิตภัณฑ์จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาล (حلال) โดยผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเปิดตลาดในภูมิภาคนี้ จำเป็นต้องศึกษาความจำเป็นและความต้องการของลูกค้า เรื่อง การรับรองมาตรฐานฮาลาล (حلال) ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคมุสลิมจะพิจารณาในการเลือกใช้สินค้าทุกชนิด ยกเว้นสินค้าบางประเภทที่เป็น Natural Halal หรือ ฮาลาลโดยธรรมชาติ เช่น ผลไม้ พืช ผัก เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่ลูกค้ามุสลิมสามารถบริโภคได้โดยไม่จำเป็นต้องขอรับรองมาตรฐานฮาลาล
อย่างไรก็ตาม หากนำ Natural Halal มาผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ จำเป็นต้องมีการรับรองมาตรฐานฮาลาล
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในทุกกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำว่ามีการดำเนินการไปตามบทบัญญัติศาสนาอิสลาม เช่น ซอสมะเขือเทศ ปลากระป๋อง และปลาทูน่า เป็นต้น รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ที่ตลาดประเทศปลายทางอาจจะร้องขอให้ผู้ผลิตขอมาตรฐานฮาลาลด้วย เช่น เบาะหนังรถยนต์ เครื่องสำอาง และอุปกรณ์เครื่องหนังต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อยืนยันทุกขั้นตอนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ปราศจากสิ่งเจือปนหรือส่วนผลมที่ไม่ฮาลาล หรือที่ เรียกว่า ฮารอม (حَرَامٌ) อาทิ เช่น ไขมันต่าง ๆ ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอาง ต้องไม่ใช่ไขมันที่มาจากสุกรหรือส่วนผสมของสุกร หรือ กรณีผลิตเบาะหนังรถยนต์ ผู้บริโภคปลายทางต้องมั่นใจว่าไม่มีส่วนผสมที่เป็นฮารอม เป็นต้น ซึ่งมาตรฐานฮาลาลจะเป็นกุญแจสำคัญในการรับรองทุกกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ว่ามีการดำเนินการถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม นั่นเอง
หากมองมาที่ผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล (Halal Food) ที่มีผู้บริโภคเป้าหมายจำนวนมาก โดยในปัจจุบันผู้บริโภคที่นิยมผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ไม่ได้จำเพาะเจาะจงเพียงผู้บริโภคที่เป็นมุสลิมเท่านั้น โดยความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองมาตรฐานฮาลาลได้ขยายวงกว้างไปสู่ผู้บริโภคที่ไม่ใช่มุสลิมที่ต้องการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบในการผลิตอาหารได้ด้วย ซึ่งปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนผู้บริโภคเป้าหมายมาจากประชากรมุสลิมโลกเพิ่มขึ้น และกระแสบริโภคอาหารปลอดภัย ซึ่งเป็นกระแสที่มาแรงในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 นับเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกอาหารชั้นนำของโลกที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพวัตถุดิบและ ใช้เทคโนโลยีการผลิตอาหารที่ทันสมัย รวมทั้งรสชาติอาหารเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ
ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลให้เป็นที่ยอมรับสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) โดย
อันดับแรก ต้องพัฒนาระบบนิเวศฮาลาล (Halal Ecosystem) ให้ครอบคลุมทุกมิติอย่างจริงจัง ดังนี้
1) จัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านมาตรฐานอาหารฮาลาลเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
2) ศึกษาข้อมูลมาตรฐานฮาลาลในแต่ละประเทศที่เป็นประเทศเป้าหมายในการขยายตลาด ซึ่งอาจมีในรายละเอียดขั้นตอนการให้รับรองมาตรฐานฮาลาลในแต่ละประเทศแตกต่างกันไปบ้าง เช่น ประเทศซาอุดีอารเบียและกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง เพื่อวางมาตรฐานการรับรองฮาลาลให้เป็นที่ยอมรับ และมีระบบตรวจสอบย้อนกลับได้ (Traceability) เป็นต้น
3) จัดแตรียมและพัฒนาทักษะบุคลากร รวมทั้งพัฒนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับฮาลาลในสถาบันการศึกษาของรัฐ เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านฮาลาล และผู้ตรวจสอบฮาลาล เป็นต้น
4) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และสถานที่ปฏิบัติการเพื่อการวิจัยและพัฒนาอาหารฮาลาล เป็นต้น
อันดับสอง กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการที่ผลิตอาหารเพื่อจำหน่ายผู้บริโภคมุสลิมทั้งในประเทศ และต่างประเทศขอรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลควบคู่กับมาตรฐานอื่น ๆ
การกำหนดเงื่อนไขขอรับรองมาตรฐานฮาลาลควบคู่กับมาตรฐานอื่น ๆ เช่น GMP, HACCP และมาตรฐานอื่นที่ประเทศปลายทางร้องขอ เป็นต้น และมีมาตรการควบคุมให้ผู้ประกอบการฯ รักษามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค ช่วยสร้าง ROYALTY ในผลิตภัณฑ์ เนื่องจากผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลในประเทศไทยส่วนใหญ่ไม่ใช่มุสลิมเป็นเจ้าขอกิจการ ดังนั้น การที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคมุสลิมยอมรับผลิตภัณฑ์ในระยะยาว คือ การรักษาและปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรฐานฮาลาลที่ต่อเนื่อง
อันดับสาม ประชาสัมพันธ์ความสำคัญของการขอรับบรองมาตรฐานฮาลาล
1) ประชาสัมพันธ์ความจำเป็นในการขอรับรองมาตรฐานฮาลาลให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีลูกค้าเป้าหมายเป็นมุสลิมทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างทั่วถึง ผ่านช่องทาง Social Media Platform ต่าง ๆ จะช่วยให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารไทยเข้าใจมาตรฐานฮาลาลและความจำเป็นในการรักษาไว้ให้ได้มาตรฐานฮาลาลอย่างต่อเนื่องมากขึ้น
• BOI สนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลอย่างไรบ้าง
ปัจจุบันบีโอไอยังไม่มีการสนับสนุนการลงทุนการยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลโดยตรง แต่มีการส่งเสริมกิจการประเภทการผลิตอาหารหลายประเภทกิจการที่สามารถนำมาต่อยอดส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลให้เติบโตควบคู่ไปด้วยกันได้ เช่น
1) กิจการผลิตหรือถนอมอาหาร เครื่องดื่ม วัตถุเจือปนอาหาร(Food Additive) สิ่งปรุงแต่งอาหาร (Food Ingredient) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement) ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งในปัจจุบันไม่ให้ส่งเสริมการผลิตน้ำตาลทราย น้ำผลไม้เจือจาง เครื่องดื่มเกลือแร่ เครื่องดื่มให้พลังงาน เครืองดืมแอลกอฮอล์ น้ำบริโภค น้ำโซดาทั้งที่มีการแต่งกลิ่่นรสและไม่แต่งกลิ่นรส น้ำ อัดลม น้ำ ดื่่มผสมวิตามิน และน้ำดื่่มที่่มีส่วนผสม ของสิ่่งปรุุงแต่งอื่่น ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการส่งเสริมจะได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี
2) กิจการผลิตอาหารแห่งอนาคต (Future Food) โดยมีเงื่อนไขต้องได้รับการประเมินการกล่าวอ้างทางสุุขภาพจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือหน่วยงานอื่่นที่่เทียบเท่า ก่อนวันครบเปิดดำเนินการ ซึ่งผู้ที่ได้รับการส่งเสริมจะได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี
3) กิจการฆ่าและชำแหละสัตว์ มีเงื่อนไขหลักที่สำคัญ คือ
3.1 ต้องมีกรรมวิธีการผลิตที่่ทันสมัย เช่น ระบบทำให้สัตว์สลบ ราวแขวนสัตว์ ห้องเย็น ระบบลดอุณหภูมิ และการตรวจสอบสิ่งปลอมปน เป็นต้น
3.2 ต้องมีระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) หรือระบบการตรวจสอบย้อนกลับที่เทียบเท่า ตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ
3.3 ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานสำหรับโรงฆ่าสัตว์ เช่น Good Manufacturing Practice (GMP) หรือ มาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า เป็นต้น ก่อนวันครบเปิดดำเนินการ
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการส่งเสริมจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี
นอกจากนี้ การยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล (Halal Food) เคียงคู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) สู่ตลาดใหญ่ในตะวันออกกลาง ถือเป็น Soft Power ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศมุสลิมทั่วโลก และสามารถขยายตลาดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสู่ผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องการอาหารที่ปลอดภัยได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นการผลักดันสู่การเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเป็นผู้ผลิตและส่งออกอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตระดับโลก อันจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเข้มแข็ง และสามารถก้าวข้ามการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ได้อย่างยั่งยืน
โดย : นางสาวจันจีรา โสะประจิน นักวิชาการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคลซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานแต่อย่างใด


