posttoday

ศึก 2 'นักบุญเงินรัฐ' แย่งฐานเสียงชาวนา

28 พฤศจิกายน 2565

ศึก 2 นักบุญเงินรัฐ แย่งฐานเสียงชาวนา การเมืองไทย...ผ่านมาจักกี่ยุคกี่สมัย หมากการเดินเดาได้ไม่ยาก ยิ่งปลายสมัยรัฐบาล สนามการเมืองร้อนระอุขึ้นทันที | คอลัมน์ ย้อนศร

ศึก 2 'นักบุญเงินรัฐ' แย่งฐานเสียงชาวนา

การเมืองไทย...ผ่านมาจักกี่ยุคกี่สมัย หมากการเดินเดาได้ไม่ยาก ก่อนร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเป็นเพื่อนเป็นมิตรที่ดีต่อกันเอื้อกันในทุกมิติ แต่พอช่วงรัฐบาลลุงตู่2ใกล้วันหมดอายุเข้าทุกที ความเป็นมิตรเริ่มจางหาย ความริษยาแข่งขันทางการเมืองเริ่มดุดันขึ้น แทบจะเรียกได้ว่า ‘ศัตรูทางการเมือง’ เหตุที่กล่าวเช่นนี้ผู้อ่านคงจำกันได้ความสัมพันธ์ของท่านผู้นำรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ท่านผู้นำพรรค Democrat จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แน่นกลมเกลียวขออะไรแลกเปลี่ยนอะไรก็ดูร่วมมือกันไปหมดแทบเป็นเนื้อเดียวกัน (แน่ละอำนาจมันหอมหวาน...เข้าไปก่อนค่อยว่ากัน ใครละอยากจะเป็นฝ่ายค้าน มันอดอยากปากแห้ง) แต่มาวันนี้ความสนิทแน่นแฟ้นนั้น กลับเลือนลางราวกับน้ำหมึกหยดเดียวหยดลงถ้วยชา
    
เข้าสู่โหมดใกล้ยุบสภา เตรียมเดินเข้าคูหาเลือกตั้งหารัฐบาลใหม่ การเคลมการแย่งผลงาน การดูดส.ส.รวมถึงการแย่งฐานเสียง เริ่มผุดให้เห็นโดยปราศจากความเกรงใจครั้งก่อนแรกร่วมรัฐบาลกัน ต้องยอมรับว่าฐานเสียงที่มีจำนวนบ้านเรานั้นก็เป็นฐานอื่นไปไม่ได้นอกจาก ‘เกษตรกร’ ซึ่งเวลานี้มีมากถึง 4.68 ล้านครัวเรือน หากมองเป็นฐานคะแนนเสียงนั้น ประชากรกลุ่มนี้มีมากถึงโดยประมาณ 14 ล้านเสียง (คำนวณคร่าว ๆ จากสมมติฐาน 1 ครัวเรือน มี พ่อ แม่ ลูก 2 คน หักลบกับผู้ยังไม่มีสิทธ์) แน่นอนจึงเป็น ‘สมรภูมิเดือด’ ในการแย่งชิงความนิยมเอาชนะใจกลุ่มนี้ให้ได้ 
 

เกมปาดหน้าเอาใจเกษตรกรเริ่มขึ้นทันที เมื่อ 2 นักบุญเงินรัฐ เปิดฉากแจกเงินชาวนาในวันเดียวกัน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ระหว่างนักบุญประยุทธ์ ที่อุตส่าห์เดินทางไกลไปยังศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ นักบุญจุรินทร์ พร้อมดึงมือ 3 สมาคมชาวนา แต่ไม่ต้องเดินทางไปไกลเหมือนนักบุญประยุทธ์ แค่ยืนแถลงอยู่ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นี่เอง โดยประกาศอย่างหาญกล้าในเรื่องเดียวกัน คือ หอบเงินรัฐ 81,265 ล้านบาท จ่ายส่วนต่างประกันรายได้ และจ่ายไร่ละ 1,000 เริ่มโอนเข้าบัญชีแล้วนะวันนี้...

จะว่าไปหากดูดี ๆ โครงการที่ช่วยเกษตรกร ที่เราคุ้นหูกันแต่นักบุญประยุทธ์ไม่กล้าพูดได้อย่างเต็มปาก คือ โครงการประกันรายได้เกษตรกร ที่ถูกผลักดันมาโดยตลอดนั้น เป็นผลงานของ นักบุญจุรินทร์ เพราะถือเป็นหนึ่งเงื่อนไขหลักในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่โครงการประกันรายได้หาใช่เป็นนโยบายการแก้ปัญหาที่แท้จริงให้พี่น้องเกษตรกรเรา ราคาข้าวจะวิ่งไปไหนได้ ก็วิ่งอยู่ใกล้ ๆ กับราคาประกันนั่นแหละนายท่าน เติมเท่าไหร่ก็ไม่พอ แถมยังเป็นภาระงบรายจ่ายประจำปีเสียอีกแทนที่จะใช้ส่งเสริมเขาในด้านอื่น ๆ  เพราะอันที่จริงชาวนาแลข้าวไทยไปได้ไกลกว่านี้

ส่วนที่บุญประยุทธ์ไปโชว์เงินเข้าบัญชีชาวนาที่เพชรบูรณ์นั้น เป็นโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว รัฐจ่ายให้ไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งจำกันได้ว่า นักบุญประยุทธ์ไม่ได้คิดแต่เป็นผลงานของพวกนั่งร้าน พวก 4 กุมารเขาทำไว้ให้ หาใช่มาจากความคิดตัวเองไม่....หุหุ นายกฯคนนอกไร้ทีมเศรษฐกิจ เลยจำเป็นต้องใช้แนวทางเดิมที่เขาวางไว้ 

พี่น้องเกษตรกรวันนี้ไม่เหมือนก่อน วันเวลาผ่านไป เขาก็มีจุดยืนของเขา อย่าไปหลงนโยบายปาดหน้าโครงการแจกเงินแล้วต้องกลัวรัฐบาลหน้ามาแล้วจะไม่ได้ต้องหันเข้าคูหากลับไปเลือกพวกเขาอีก เดี๋ยวก็เหมือนเดิม เห็นหัวเราเมื่ออยากกลับไปมีอำนาจ อย่าหลงได้ใจกับทั้ง 2 นักบุญหอบเงินรัฐมาแจก เพราะนั่นหาใช่ความจริงใจและความยั่งยืน