posttoday

ตำนานสุนทราภรณ์ (8)

01 มีนาคม 2565

โดย....น.พ.วิชัย โชควิวัฒน

*************

วงดนตรีสุนทราภรณ์สร้างสรรค์เพลงไว้มากมาย ราว 2 พันเพลง ซึ่งจำนวนมากอยู่ในความรักและความนิยมของประชาชนอย่างกว้างขวาง และมีคนจำนวนไม่น้อยนอกจากชอบฟังแล้ว ยังอยากรู้เรื่องราวความเป็นมาหรือภูมิหลัง เบื้องหลังของเพลง ทั้งเพื่อเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงและเพื่อการสนทนากันในหมู่แฟนเพลงหรือในครอบครัว จึงแม้จะมีการรวบรวม ศึกษา ค้นคว้า จนออกมาเป็นหนังสือ 2 เล่ม เนื้อหารวมกันถึง 1,332 หน้าแล้ว ก็ยังมีเรื่องราวมากมายให้สืบค้นและนำมาเสนอต่อทั้งแฟนเพลงสุนทราภรณ์และผู้สนใจทั่วไป หนังสือชุด 82 ปี สุนทราภรณ์ฝากไว้ จึงมีเล่ม 3 ในชื่อ “100 เพลงดี 100 ปี เอื้อ สุนทรสนาน”

หนังสือเล่มนี้มีงานแถลงข่าวเปิดตัวเมื่อวันอังคารที่ 12 มกราคม 2553 ที่ห้องพุทธคยา ชั้น 22 อาคาร อัมรินทร์พลาซ่า เป็นการโหมโรงก่อนวันเกิดครบ 100 ปี ครูเอื้อในวันที่ 21 มกราคม 2553 ซึ่งเป็นปีมหามงคลของครูเอื้อด้วย เพราะได้รับยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกจากองค์การยูเนสโก และมูลนิธิสุนทราภรณ์ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองตลอดปี 2553 โดยหนังสือ “100 เพลงดี 100 ปี เอื้อ สุนทรสนาน” เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ร่วมการเฉลิมฉลองครั้งนั้น

หนังสือเล่มนี้ แต่แรกคุณไพบูลย์ สำราญภูติ ใช้นามปากกา ศรี อยุธยา เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ และเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์มาตั้งแต่เดือนเมายน พ.ศ. 2542 “โดยคัดเลือกเพลงที่เกี่ยวข้องกับสถาบันชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันการศึกษา 8 แห่ง คือ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตร เชียงใหม่ 4 เหล่าทัพ และเพลงอมตะที่เป็นผลงานของครูเอื้อ สุนทรสนาน ในการประพันธ์ทำนอง และการขับร้องในนามของสุนทราภรณ์ แฟนเพลงสุนทราภรณ์จากเว็บไซต์บ้านคนรักสุนทราภรณ์โหวตมาเป็นหลักรวมทั้งสิ้น 100 เพลง แถมเพลงพิเศษอีก 6 เพลง รวมทั้งสิ้นเป็น 106 เพลง...” (น. 350)

แสดงว่าเพลงดี “ในดวงใจ” ของแฟนเพลงสุนทราภรณ์มีมากกว่า 100 เพลง จึงแม้ความตั้งใจของคุณไพบูลย์จะต้องการคัดสรรเพลงเพียง 100 เพลง เพื่อให้ตรงกับวโรกาส 100 ปี ชาตกาลครูเอื้อ แต่ก็ต้องยอมรับทั้ง 106 เพลง โดยคงชื่อ “100 เพลงดี 100 ปี สุนทราภรณ์เอาไว้” ก็เหมือนกับนวนิยายเรื่องยิ่งใหญ่ของกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ นักเขียนรางวัลโนเบล คือ “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” (One Hundred Years of Solitude) นั้นแท้จริงเวลาในเหตุการณ์ของนวนิยายเรื่องนี้เกิน 100 ปีไปมาก แต่หนังสือก็ยังคงชื่อ “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” เอาไว้ เพราะตัวเลขที่ถูกต้องแม่นยำ แม้จะสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แต่ในทางวรรณกรรมนั้นตัวเลขประมาณการก็ยอมรับได้

คุณไพบูลย์ได้ “เปิดใจ” ไว้ในตอนท้ายเล่มของหนังสือเล่มนี้ว่า ได้รับมอบหมายจากที่ประชุมของ คณะกรรมการมูลนิธิสุนทราภรณ์ในการประชุมตอนต้นปี พ.ศ. 2551 ให้เป็นผู้เรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ ของวง สุนทราภรณ์เพื่อร่วมฉลองในวาระครบรอบ 100 ปี ชาตกาลของครูเอื้อ สุนทรสนาน ซึ่งกำลังมีการเสนอให้ได้รับ ยกย่องเป็นบุคคลสำคัญดีเด่นของโลกจากองค์การยูเนสโก ใน พ.ศ. 2553 แสดงว่าหนังสือเล่มนี้มีเวลาเตรียมการราว 2 ปี

ความเป็น “มืออาชีพ” ของคุณไพบูลย์ จึงได้เสนอแนวคิดหลัก คือ Theme หรือ “อรรถบท” โดยตั้งชื่อเพื่อให้สอดคล้องกับ 100 ปีชาตกาลครูเอื้อว่า “100 เพลงดี 100 ปี เอื้อ สุนทรสนาน” โดยตั้งกรอบ (Framework) ไว้ใน “เบื้องต้น” ว่า (1) เป็นผลงานเพลงที่เกี่ยวข้องกับประวัติของวงดนตรีสุนทราภรณ์ เช่น เพลงประจำวง (2) เป็นผลงานที่เทิดทูนสถาบันชาติให้เกิดความรักชาติ เช่น เพลงปลุกใจต่างๆ (3) เป็นผลงานที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ บรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ (4) เป็นผลงานเกี่ยวกับสถาบันการศึกษา โดยคัดเลือกมาเพียง 8 สถาบันเท่านั้น (5) เป็นผลงานเพลงที่ครูเอื้อ สุนทรสนาน มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง เช่นเพลงที่สุนทราภรณ์เป็นผู้ขับร้องทั้งเพลงเดี่ยวและเพลงหมู่ และ (6) เป็นผลงานเพลงที่ครูเอื้อ สุนทรสนานแต่งทำนองร่วมกับครูเพลงท่านอื่นๆ เช่น ครูแก้ว อัจฉริยะกุล, ครูเอิบ ประไพเพลงผสม, ครูสุรัฐ พุกกะเวส, ครูชอุ่ม ปัญจพรรด์, ครูศรีสวัสดิ์ พิจิตรวรการ, ครูธาตรี, ครูสมศักดิ์ เทพานนท์, ครูพรพิรุณ และครูเพลงท่านอื่นๆ

โดยที่เนื้อหาของ 106 เพลง ที่นำมาเสนอเดิมตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ที่กำหนดความยาว “เพียง 1 หน้ากระดาษเท่านั้น .... จึงต้องศึกษา ค้นคว้า เรื่องราวต่างๆ ของครูเพลง บุคคล เหตุการณ์ สถานที่ โดยแทรกความคิดเห็นบางประการตามความเหมาะสม โดยพยายามที่จะรักษาแนวเขียนตามที่กำหนดเอาไว้แต่เดิม” (น. 360)

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้แม้จะมีส่วนที่ซ้ำกับในเล่ม 1 และ เล่ม 2 อยู่ส่วนหนึ่ง แต่ก็มีเรื่องราวใหม่ๆ ที่น่ารู้ และผู้เขียนได้นำมาเสนออย่างน่าอ่าน น่าติดตามตลอดทั้งเล่ม เช่น เพลงคิดถึง ซึ่งจัดเป็น “เพลงที่สุนทราภรณ์ขับร้องได้ไพเราะที่สุด” เชิด ทรงศรี ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทย เขียนถึงภูมิหลังของเพลงนี้ว่า “ครูแก้ว อัจฉริยะกุล เขียนขึ้นเพื่อถ่ายทอดความในใจที่ตนเองมีต่อ ‘คุณน้อง’ สาวที่ตนเองหมายปองอยู่ และได้รับแรงเชียร์จากครูเอื้อ สุนทรสนาน เพื่อนซี้ที่รู้ใจมากกว่าใครๆ แต่เธอต้องไปแต่งงานมีครอบครัวกับชายอื่นตามความประสงค์ของผู้ใหญ่ เพื่ออนาคตที่สดใสกว่า

ครูแก้ว อัจฉริยะกุล จึงเขียนบอกเอาไว้ด้วยว่า ‘ผู้แต่งขออุทิศให้แก่ใครคนหนึ่ง ซึ่งนับวันจะห่างจากกันไปทุกที’ จนชื่อคุณน้องกลายเป็นขนิษฐา ตัวเอกในบทละครโทรทัศน์เรื่องคิดถึงที่ครูแก้ว อัจฉริยะกุลแต่งขึ้นในเวลาต่อมา จะเห็นได้ว่า ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ใช้คำว่าคิดถึง ซ้ำกันอยู่ถึง 11 คำ เพื่อตอกย้ำและสื่อความในใจให้สาวที่ตนหมายปองอย่างลงตัว ... ความไพเราะและการสื่อความในใจจากเพลงคิดถึงนี้ เป็นเหตุให้ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ต้องแต่งเพลงใหม่อีกเพลงหนึ่ง คือ เพลงลืมเสียเถิดอย่าคิดถึง ขับร้องโดยรวงทอง ทองลั่นธม ... ตามคำขอร้องของคุณน้อง ... ซึ่งโทรศัพท์บอกกับครูแก้วว่า ‘ได้ฟังเพลงคิดถึงทีไรอดร้องไห้ไม่ได้ ทำไมต้องแต่งเพลงนี้ลืมเสียเถิดอย่าคิดถึงดีกว่า’ จึงเป็นที่มาของเพลงลืมเสียเถิดอย่างคิดถึง” (น. 223-224)

อีกเรื่อง เช่น เรื่องเมืองสามพราน หนังสือเล่มนี้เสนอว่า “ตามประวัติในตำนานที่เล่าขานกันมาว่าอำเภอสามพรานนี้แต่เดิมเป็นป่ารกชัฏ เป็นที่อาศัยของเหล่าสัตว์ป่านานาชนิด รวมทั้งโขลงช้างขนาดใหญ่ที่ชอบเข้ามาเหยียบย่ำหากินในบริเวณนี้ จนกลายเป็นชื่อของตำบลบางช้างในปัจจุบัน หัวหน้าโขลงช้างนี้ เมื่อเวลาตกมัน จะมีความ ดุร้ายมาก และนำโขลงช้างเข้ามาทำลายพืชผลและทำร้ายชาวบ้าน แต่ชาวบ้านก็ไม่สามารถปราบมันได้ จึงต้องอาศัยฝีมือของนายพราน 3 นาย ที่ข้ามมาตรงคลองปากลัด หรือวัดท่าข้ามในปัจจุบัน ช่วยเหลือ บริเวณที่นายพรานทั้งสามปราบโขลงช้างได้ จึงได้ชื่อว่าสามพรานตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา”

หนังสือเล่มนี้นำเสนอ “ที่สุด” ของเพลงสุนทราภรณ์ไว้หลาย “ที่สุด” โดยเพลงที่คุณอาภรณ์ กรรณสูต หญิงที่ครูเอื้อ “หมายปอง” ประทับใจมากที่สุดคือเพลงยอดดวงใจ ที่ขึ้นต้นว่า “ดวงใจคนดีที่แสนห่วง โศกรุมเร้าทรวงหน่วงเหนี่ยว....” ซึ่งเป็นเพลงที่ “ชนะใจ” คุณอาภรณ์ ในที่สุด และได้แต่งงานกันใน 4 ปีต่อมา

**************

ข่าวล่าสุด

จับตาประชุมอาเซียน ชี้ชะตาสงครามไทย–กัมพูชา จบหรือยืดเยื้อ