posttoday

B-SIP ลงทุนทั่วโลกให้โลกยั่งยืนอย่างมั่นคง

09 มีนาคม 2564

พริ้มพัชร จิรบวรพงศา, AFPT™

กองทุนบัวหลวง

ปัจจุบันเทรนด์การลงทุนของโลกที่นักลงทุนให้ความสนใจ  แน่นอนว่า ต้องมีเรื่องการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment)  เพราะในรอบหลายปีที่ผ่านมา หลายประเทศทั่วโลกได้เผชิญกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ภาวะการเปลี่ยนแปลงของอากาศ (Climate Change)   การเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ   และมลภาวะทางอากาศ  สิ่งต่างๆ เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อทุกคนบนโลก  รวมถึงตัวของนักลงทุนเอง ซึ่งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตด้วย   ไม่ว่าจะเป็น คุณภาพชีวิตที่แย่ลง  สุขภาพไม่ดี และภัยธรรมชาติ

ด้วยเหตุนี้   นักลงทุนจึงให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน    โดยให้การสนับสนุนธุรกิจที่ ไม่ใช่แค่ห่วงใยโลก  แต่เป็นธุรกิจที่มีความมุ่งมั่นในการที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีขึ้นด้วยการลงมือทำจริงๆ  โดยแนวคิดนี้เป็นเทรนด์การลงทุนของนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ต้องการ “ลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบต่อโลก” ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ กระแสเงินสดที่ไหลเข้ากองทุนหุ้นกลุ่มยั่งยืนในสหรัฐที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  แม้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด-19  โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2563  เติบโตขึ้น 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 88%  เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน จึงอาจกล่าวได้ว่า นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญ และมีความต้องการลงทุนในหุ้นยั่งยืนมากขึ้น

สิ่งที่นักลงทุนต้องทำคือ  การค้นหาหุ้นที่มีความยั่งยืน   โดยความหมายของคำว่า “ยั่งยืน” ไม่ได้อยู่ที่การแสวงหาผลกำไรสูงสุด  ชนิดที่ว่าไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม  แต่นักลงทุนจะเฟ้นหาหุ้นของบริษัทที่มุ่งมั่นในการทำธุรกิจเพื่อเปลี่ยนโลกนี้ให้ดีขึ้น นั่นคือ รักษาสิ่งแวดล้อม  สนับสนุนเศรษฐกิจและพัฒนาสังคม  ควบคู่ไปกับความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ  ตามหลักเกณฑ์ของตลาดทุนด้าน ESG: Environment / Social / Good Governance ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องการ

ทั้งนี้ ในมุมมองของคนทั่วไป อาจเข้าใจความหมายของ ESG คลาดเคลื่อนไปบ้าง  โดยมองว่า ESG  คือ การปลูกต้นไม้  ทาสี  ทำสาธารณประโยชน์  สาธารณกุศล คล้ายกับการแบ่งเงินกำไรจ่ายคืนกลับไปให้กับสังคมเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ความหมายของ ESG สำหรับนักลงทุนทั่วโลก คือ การทำธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนโลกนี้ให้ดีขึ้น ด้วยการสร้างผลกระทบทางบวกต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact)   ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ  ใช้พลังงานหมุนเวียนจากธรรมชาติ  ลดการใช้พลังงานหรือใช้พลังงานให้คุ้มค่ามากที่สุด ยกตัวอย่าง นวัตกรรมหลอดไฟประหยัดพลังงานที่ลดการใช้ไฟฟ้าแต่ยังสว่างเท่าเดิม เป็นต้น  

สิ่งเหล่านี้ ส่งผลกระทบทางบวกต่อเศรษฐกิจ (Economic Impact) เช่นกัน นั่นคือ ธุรกิจต่างก็ต้องการพิสูจน์ให้ผู้ลงทุนเห็นถึงความตั้งใจ  ความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีขึ้นได้   เพื่อเป็นกระตุ้นให้เกิดการลงทุน   และนี่จึงเป็นที่มาของเกณฑ์  ESG  ในส่วนของ Good Governance เพราะถ้าหากนักลงทุนให้ความไว้วางใจและตัดสินใจลงทุน  บริษัทก็จะมีเงินหมุนเวียนในการพัฒนาธุรกิจที่ช่วยทำให้โลกเราเติบโตได้อย่างยั่งยืน  และแน่นอนว่า จะส่งผลกระทบทางบวกต่อสังคม (Social Impact) ด้วย  เพราะถ้าหากโลกได้รับการดูแลอย่างดี  ทุกคนบนโลกก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นกัน   เรียกได้ว่า เป็นสถานการณ์ที่   WIN-WIN  กันทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ตาม  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในช่วง  2 – 3 ปีที่ผ่านมา    โลกของเราได้มีการพัฒนาด้านนวัตกรรมอย่างก้าวกระโดด โดยนวัตกรรมต่างๆ  ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่สถาบันทดลอง หรือศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์อีกต่อไป     แต่ถูกนำไปใช้เป็นธีมหลักในการดำเนินธุรกิจของหลายร้อยบริษัท  และมีแนวโน้ม ที่จะมีบริษัทใหม่ๆ   หันมาใช้นวัตกรรมเพื่อการพัฒนา ปกป้อง และดูแลโลกของเราอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับ การทำธุรกิจ    โดยมีนักลงทุนรุ่นใหม่เป็นพลังสนับสนุน  ธีมลงทุนเพื่อการเปลี่ยนโลกนี้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

จากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ นี้   กองทุนบัวหลวงได้จัดตั้งกองทุนชื่อว่า  กองทุนเปิดบัวหลวงยั่งยืน B-SIP: Bualuang Sustainable Investing Portfolio กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศชนิด Fund of Funds จำนวน  2  กองทุน  โดย 75% ลงทุนในกองทุน  Pictet – Global Environmental Opportunities Fund    เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก ลดการใช้พลังงาน เช่น บริษัท เวสทัส วินด์ ซิสเทม  ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้ากังหันลมจากเดนมาร์กที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก  หรือจะเป็นบริษัท แอปพลาย แมตทีเรียล  ในซิลิคอนวัลเลย์   ผู้ผลิตชิป (Semiconductor) สำหรับสมาร์ทโฟน  ทีวี  และผลิตภัณฑ์แสงอาทิตย์ โดยอีก 25%  ลงทุนในกองทุน Pictet – Clean Energy Fund  เน้นลงทุนในบริษัทที่เน้นการใช้พลังงานสะอาด      

โดยสรุป ก็คือ  การลงทุนอย่างยั่งยืน  (Sustainable Investment) นั้นเป็นมากกว่าเทรนด์   แต่เป็น “ธีมการลงทุนของโลก” ในระยะยาว เพราะในปัจจุบันบริษัทต่างๆ ได้นำนวัตกรรมเข้ามาใช้เป็นธีมหลัก ในการดำเนินธุรกิจ   โดยมีเป้าหมายไม่ใช่แค่กำไร แต่ต้องการที่จะพัฒนา ปกป้องและดูแลโลกของเราให้คงอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน นักลงทุนรุ่นใหม่อย่างพวกเราก็ควรร่วมเป็นพลังในการสนับสนุนธุรกิจที่ขับเคลื่อนโลกนี้ให้เติบโตต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน  Let’s Build a Better World Together!!

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"