#อย่าหาทำ

สาเหตุหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนคนรวยหรือคนชั้นกลางให้กลายเป็นคนจนได้ นอกจากเรื่องหนี้สิน อบายมุข และการพนัน อีกเรื่องนึงคือ การหาทำ นี่แหละ

หลายคนอยากทำธุรกิจ อาศัยว่ามีเงินทุนเล็กๆน้อยๆ คิดว่าน่าจะสร้างรายได้พิเศษเสริม แต่กลับกลายเป็นว่า เจ๊งไปตามระเบียบ แทนที่จะได้ กลับเสียไปซะอย่างนั้น

จากสถิตของกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม ในปี 2562 มีการปิดตัวของกิจการที่เป็นโรงงาน 1,989 แห่ง และมีผู้ที่ถูกเลิกจ้างเป็นจำนวน 49,157 คน

จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เฉพาะเดือน พฤษภาคม 2563 มีบริษัทที่แจ้งเลิกกิจการ ทั้งหมด 905 บริษัท

เดือนเมษายน 817 บริษัทเดือนมีนาคม 947 บริษัทเดือนกุมภาพันธ์ 815 บริษัทเดือนมกราคม 1,407 บริษัท

รวมปีนี้มีบริษัทที่แจ้งเลิกกิจการ 4,891 บริษัท หรือเฉลี่ยวันหนึ่ง จะมีธุรกิจที่ไปต่อไม่ได้ถึง 32 บริษัท

ปัญหาของเศรษฐกิจทุกวันนี้ ไม่ใช่เราขาดแคลนสินค้าหรือบริการ แต่เรามีสินค้าและบริการล้นตลาด และแต่ละอุตสาหกรรมก็มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ด้วยกลยุทธ์การค้า ช่องทางการจัดจำหน่าย การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และที่แรงที่สุดคือ สงครามราคา

ดังนั้น แฮชแท็ก #อย่าหาทำ อาจจะเป็นกลยุทธหนึ่งที่สำคัญสำหรับทุกคนที่คิดจะทำธุรกิจ

ผมไม่ได้บอกว่า เราไม่ควรทำธุรกิจ แต่ก่อนที่จะทำธุรกิจใดๆก็ตาม คุณได้ศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ (Project Feasibility’s Analysis) ดีพอรึยัง

คุณได้จัดทำงบประมาณการลงทุน (initial cost investment) หรือการประมาณการกระแสเงินสดรับ-จ่าย (Cashflow in&out Forecasting) เพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ที่อาจไม่คาดคิดไว้รึยัง ทั้งในส่วนของ best case scenario, standard case , worst case scenario

คุณได้วิเคราะห์ ecosystem ในอุตสาหกรรมที่คุณกำลังจะลงทุน หรือวิเคราะห์เจาะลึกในส่วนของ five-forced model รวมทั้งได้ทำ SWOT analysis ไว้บ้างรึยัง

คุณได้คิดกลยุทธ์ที่จะทำให้บริษัทคุณสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว แผนการระยะสั้น - กลาง - ยาว ไว้รึยัง

คุณได้วิเคราะห์เจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภค (consumers behavior) หรือได้ทำ market research เพื่อประมาณการยอดขายไว้บ้างรึยัง

ถ้าคุณคิดจะทำธุรกิจ แล้วยังไม่ได้ศึกษา ยังไม่ได้วิเคราะห์ ยังไม่ได้ประมาณการ จงคิดไว้ว่า #อย่าหาทำ คือกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุดในการทำธุรกิจ