posttoday

จุดเปลี่ยนประเทศ

27 มีนาคม 2562

ผลจากการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศ

เรื่อง ณ กาฬ เลาหะวิไลย

ผลจากการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศ

เป็นจุดเปลี่ยนจากการประลองกำลังกันของ 2 ขั้วพลังอำนาจ

ขั้วแรก เป็นขั้วทหาร ที่ออกมาปฏิวัติเมื่อปี 2557 หลังจากบ้านเมืองเกิดสภาพโกลาหล ไร้ระเบียบ บริหารจัดการไม่ได้ จากความแตกแยกทางการเมืองที่เกิดขึ้นมาหลายสิบปี

ขั้วที่ 2 เป็นขั้วการเมืองดั้งเดิม ที่ทรงอิทธิพลในประเทศมาอย่างยาวนาน แต่ถูกสกัดจุดจากการปฏิวัติ

ตลอดระยะเวลา 5 ปี หลังการปฏิวัติ ขณะที่คณะทหารปกครองบ้านเมือง อีกขั้วอำนาจอยู่ในภาวะซุ่มซ่อนอย่างสงบ

แต่เมื่อมีการประกาศเลือกตั้ง ขั้วอำนาจเดิมก็ตื่นขึ้น กระโดดลงสู่เวทีเลือกตั้ง

ขณะเดียวกันขั้วทหารก็จับมือกับอดีตนักการเมืองอีกกลุ่ม ตั้งพรรค การเมือง เข้าสู่สนามเลือกตั้งเช่นกัน

การเลือกตั้งที่เกิดขึ้น จึงเป็นการประลองกำลังกันของ 2 ขั้วอำนาจที่มีอยู่โดยแท้ มองเป็นอย่างอื่นได้ยาก

ไม่ต้องไปเล่นคำ ฝ่ายหนึ่งเป็นประชาธิปไตย อีกฝ่ายเป็นเผด็จการ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นวาทกรรมทางการเมือง

ทุกอย่างล้วนเป็นการประลองกำลังบนสนามเลือกตั้ง

สภาพในขณะนี้ หากนับเฉพาะผลการเลือกตั้ง สส. อยู่ในสภาพก้ำกึ่ง กินกันไม่ลง หรือกินกันยังไม่ขาด

และยังคงเร็วไปที่จะตัดสินว่าใครได้ สส.จำนวนเท่าใดแน่

สาเหตุสำคัญมาจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ ประกาศคะแนนรวมของแต่ละพรรค ที่จะกลายมาเป็นจำนวน สส.ระบบบัญชีรายชื่อ

ทั้งหมดยังไม่รวมคดีความ การฟ้องร้อง ที่จะส่งถึงมือ กกต. ซึ่งจะทำให้จำนวนที่นั่ง สส.มีโอกาสผันแปรได้อีกเช่นกัน

ศึกในสนามเลือกตั้ง หรือในสภาล่าง ที่เป็นสภาผู้แทนราษฎรจึงยังไม่จบ ฝ่ายใดมีฤทธิ์เดชอย่างไรก็ต้องงัดออกมาใช้เต็มที่

เมื่อตัวเลข สส.ทั้งหมดสะเด็ดน้ำดีแล้ว นั่นแหละถึงเป็นกลศึกในยกต่อไป

นั่นคือการเลือกตั้งนายกฯ ที่ต้องรวมเสียง สว.เข้าไปด้วย

สส. 500 เสียง และ สว. 250 เสียง คือจำนวนรวมสมาชิกรัฐสภาที่มี 750 เสียง ฝ่ายใดรวบรวมรายชื่อได้ 376 เสียง ฝ่ายนั้นก็ชนะ

แม้ขั้วอำนาจทหารยังคงความได้เปรียบ จากการที่มี สว. 250 เสียงสนับสนุน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วยเหตุที่ขั้วการเมืองเดิมต้องสร้างกระแสกดดันพุ่งเป้าไปที่ สว.ที่มาจากการแต่งตั้ง

เพราะการประลองกำลังนี้ มีเดิมพันใหญ่หลวงนัก

เป็นเดิมพันที่เกี่ยวพันกับโครงสร้างอำนาจ โครงสร้างการเมือง โดยถ้าฝ่ายใดชนะ ก็จะกระทบกับอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

เหมือนช้างสารต้องชนกัน แรงกระทบ แรงกระแทก กระจายออกไปทั่ว

ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครจะถอย ก็ต้องรอดู

นี่...คือจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศ