เดินหมากอย่างไรต่อไป
การเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องจับตากันแทบไม่กะพริบ
เรื่อง ณ กาฬ เลาหะวิไลย
การเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องจับตากันแทบไม่กะพริบ
เพราะหลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ ทุกอย่างก็ต้องพลิกผันไปจากเดิม
คงจำกันได้ว่า คดีดังกล่าว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จากกรณีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
กกต.ลงมติเอกฉันท์ว่าเข้าข่ายการกระทำผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรค การเมือง มาตรา 92 กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา และเปิดโอกาสให้พรรคไทยรักษาชาติทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร โดยมีการแก้ข้อกล่าวหาว่าการเสนอบัญชีนายกฯ ของพรรคเป็นไปโดยสุจริตตามข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และได้รับคำยินยอมจากบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ ไม่ได้มีการแอบอ้าง
เมื่อมีพระราชโองการพรรคก็น้อมรับ อีกทั้งเห็นว่ามติ กกต.เป็นไปไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่มีการตั้งกรรมการไต่สวน และไม่เปิดโอกาสให้พรรคไทยรักษาชาติได้ชี้แจง
เรื่องทั้งหมดก็มาถึงจุดยุติ เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินเป็นเด็ดขาด
แรงกระเพื่อมจึงเคลื่อนตัวไปสู่สนามเลือกตั้ง
ก่อนหน้านี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เคยกล่าวถึงยุทธศาสตร์แตกแบงก์พันเอาไว้
วิธีที่ว่า ก็คือกลุ่มการเมืองที่มีความสัมพันธ์กัน ใช้วิธีแยกย้ายกันตั้งพรรคเล็ก พรรคน้อย พรรคขนาดกลาง เพื่อประโยชน์ทางบวกในการเลือกตั้ง
เมื่อรวมคะแนนของพรรคที่มีความสัมพันธ์กัน จึงกลายเป็นคะแนนเสียงก้อนใหญ่ และอาจถึง 300 คะแนน เหมือนกับที่ประเมินเอาไว้
เพราะเชื่อว่าเมื่อแยกกันไปแล้ว สุดท้ายก็จะมารวมกันอีก เป็นการเปรียบเทียบให้เห็น เหมือนกับมีแบงก์พัน แล้วก็แตกย่อยเป็นแบงก์ร้อย เป็นยี่สิบ แบงก์ห้าสิบ แต่สุดท้ายก็มานับรวมเป็นยอดเดียว
จะใช่หรือไม่ใช่อย่างที่สุเทพว่า ในบรรดาแวดวงการเมือง หรือผู้ติดตามข่าวสาร ก็ต้องไปพิจารณากันเอาเอง
แต่ทว่าเมื่อเกิดเหตุยุบพรรค เป็นเหตุให้สถานการณ์ รูปแบบการเมืองเปลี่ยนแปลงไป
หากการแตกแบงก์พันเป็นเรื่องจริง แบงก์ที่แตกไปก็ต้องหาทางไปฝากไว้ที่อื่น
เป้าหมายก็คืออย่าทำตก ทำหล่น เพื่อจะมารวมกันเป็นก้อนสุดท้ายอีกครั้ง
ยิ่งใกล้เลือกตั้ง การเมืองจึงยิ่งน่าติดตาม น่าสนใจในแง่การพลิกสถานการณ์ การเดินหน้า การวางหมากของแต่ละฝ่าย
เดิมพันสำคัญก็คือ 24 มี.ค. เมื่อประชาชนกาบัตรเลือกตั้งแล้ว
ไม่ว่าวิธีไหน จะแตกแบงก์พัน รวมแบงก์ร้อย จะฝากเลี้ยง ฯลฯ
ใครจะรวบรวมเสียงได้มากกว่ากัน