posttoday

ไม่ใช่สังเวียน

04 มีนาคม 2562

การเมืองเริ่มทวีความระอุโดยเฉพาะประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจ

เรื่อง ทองพระราม

การเมืองเริ่มทวีความระอุโดยเฉพาะประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจ คือ การพิจารณาไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักษาชาติต่อกรณีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรค จนเรียกเสียงถาโถมจากสังคมทั้งในทิศทางบวกและลบ

โดยประเด็นดังกล่าวศาลนัดลงมติและวินิจฉัยให้คู่กรณี คือ ทษช. ในวันที่ 7 มี.ค. ว่าจะมีผลให้ยุบหรือไม่ยุบพรรคต่อไป ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังคงต้องรอติดตามลุ้นดูว่า ภายหลังคำตัดสินของศาลออกมาแล้วจะส่งผลอย่างไรต่อทิศทางการเมืองไทย ยังเป็นเรื่องให้ต้องจับตา

ทว่า ความเข้มข้นในทางการเมืองเริ่มเห็นเด่นชัด หลังจากแต่ละพรรคการเมืองต่างงัดนโยบายอันเรียกว่าเป็นไม้เด็ด เพื่อรอน็อกคู่แข่งฝ่ายตรงข้าม ทว่า ที่เห็นเด่นชัดและแถมเป็นไปในทางเดียวกัน คือ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน

แต่จะเป็นจริงหรือไม่ตามที่ชูๆ นโยบายกันอยู่ ก็ขึ้นกับดุลพินิจประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศ ว่ามีความคิดอ่านเห็นแล้วเป็นเช่นไร แต่อยากให้คำนึงถึงผลผูกพันตามมา ที่ต้องยอมรับว่าประชาชนมิอาจสามารถหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่ตัดสินใจไป

เมื่อใกล้ช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งเข้ามาทุกขณะบรรยากาศการแข่งขันของแต่ละพรรค ก็เริ่มออกวาดลายออกมาให้เห็นเป็นเนืองๆ ว่าใครดี เด่น โดน สามารถยึดใจประชาชนในฐานะฐานเสียงอันสำคัญได้อย่างอยู่หมัด มัดใจ และพร้อมเทคะแนนให้

หากแต่การช่วงชิงจังหวะของตัวนโยบายนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ หากปล่อยหมัดแย็บก่อน หรือตะบันกำปั้นใส่หน้าคู่ต่อสู้ โดยไม่คิดตั้งการ์ดป้องกัน อาจจะถูกหมัดสวนจนกลายเป็นคะแนนน็อกก็เป็นไปได้ เพราะบนสังเวียนผ้าใบก็เคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้ว

แต่เวทีทางการเมืองนั้นย่อมเป็นที่รู้กันอยู่ แวดวงล้อมไปด้วยเสือ สิงห์ กระทิง แรด ต่อให้คาดการณ์หรือตั้งป้อมป้องกันมากแค่ไหน หากเผลอพลั้งไม่ทันระวังตัว ก็อาจจะโดนไล่ต้อนจนมุมชิดขอบเวที จนไม่สามารถกระดิกตัว จนกลายเป็นเป้านิ่งให้เชือดเฉือน

แต่อีกมุมหนึ่งนับเป็นข้อดีสำหรับประชาชน เพราะจะได้เห็นนโยบายตามที่หลายพรรคการเมืองพยายามอธิบายให้เข้าถึงก้นลึกถ่องแท้ ก่อนตัดสินใจเข้าคูหา เพราะต้องยอมรับนโยบายส่วนใหญ่แล้ว แถมจะไม่หลีกหนีต่างกัน เปรียบเสมือนโปรโมชั่นธนาคาร

เรียกใจลูกค้าให้มาร่วมลงทำธุรกรรมทางเงิน ซึ่งก็ขึ้นอยู่แต่ละคนจะชอบใจโปรไหนมากกว่ากัน รวมถึงความน่าเชื่อของแต่ละพรรคจะทำได้จริงอย่างโฆษณาไว้หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงแค่ยาหอมโปรยไปในอากาศ แล้วท้ายที่สุดก็ไม่ต่างจากลมปาก

เพราะประชาชนบนโลกยุคใหม่ 4.0 แตกต่างจากยุคเก่าก่อน ที่ไม่ทราบแม้กระทั่งสิทธิตัวเอง แต่มาบัดนี้ความเจริญก้าวหน้า รวมถึงการรู้เท่าทันจากกลลวงต่างๆ เนื่องด้วยปัญหาสะสมที่ผ่านมาตลอด 10 ปีนับเป็นบทเรียนชั้นยอดระดับบรมครู

จึงเชื่อว่าที่ผ่านมาและท่ามกลางช่วงเปลี่ยนผ่านที่กำลังเผชิญจะเป็นคำตอบที่อยู่ภายในใจแล้วว่าอยากให้ใครเข้ามาทำหน้าที่ เพื่อนำพาประเทศไปสู่จุดที่สามารถเรียกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่าพัฒนาแล้ว ไม่ใช่กับดับที่ตอกย้ำมาตลอดว่ากำลังพัฒนา

ถึงขายนโยบายอย่างไรก็อยากให้ประชาชนอย่าเลือกโดยความชอบ เพราะอาจส่งผลร้ายตามมาจนเกินคณานับ ดังนั้น วันที่ 24 มี.ค. คือ อำนาจของประชาชนที่จะเข้ากำหนดชะตาชีวิตเราและประเทศ ให้เดินไปทิศทางไหน จึงต้องไตร่ตรอง ทบทวน ให้ดีที่สุด