กับดักเศรษฐกิจไทย
ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น มองแล้วยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้นทุกขณะ
เรื่อง ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น มองแล้วยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้นทุกขณะ
ไม่เพียงแต่จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจเติบโตได้เท่านั้น แต่ยังมีปัญหาพื้นฐานที่ตามมาคือการลดความเหลื่อมล้ำ การกระจายความมั่งคั่ง
ไม่ใช่รวยกระจุก จนกระจาย คนรวยหยิบมือเดียว แต่คนจนกระจายเต็มไปหมด เหมือนกับสภาพที่เกิดขึ้นในตลอดระยะเวลาหลายสิบปี และตามแก้กันอย่างไรก็แก้ยังไม่ได้
และปัญหาที่จะทวีความสำคัญมากขึ้น จำเป็นต้องคิดกันให้ถ่องแท้ก็คือการสร้างตลาดแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานลักษณะใหม่ๆ
เศรษฐกิจแม้จะเติบโตเพียงใด แต่หากไม่ก่อให้เกิดการจ้างงานก็ต้องถือว่าประสบความล้มเหลวในแง่การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
โครงสร้างทางเศรษฐกิจ รูปแบบการทำธุรกิจในปัจจุบันปรับเปลี่ยนมากมาย โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้ตลาดแรงงานหดตัวลง แรงงานบางประเภทต้องถึงขั้นสาบสูญไปอย่างสิ้นเชิง
กลุ่มที่เคยเป็นตลาดแรงงานขนาดใหญ่ อย่างธนาคารพาณิชย์ การจ้างงานก็ลดลง มิหนำซ้ำยังอยู่ในภาวะการหดตัว พนักงานออกไม่รับคนเข้า มีการออกโครงการเกษียณก่อนกำหนด ฯลฯ
สิ่งที่มาแทนที่คนที่เคยทำงานคือเทคโนโลยี
ขณะเดียวกันแม้จะมีธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ แต่ทว่าความน่าห่วงก็คือ สินค้าที่ค้าขายในอินเทอร์เน็ตปัจจุบัน 60-70% เป็นสินค้าของต่างชาติ โดยเฉพาะสินค้าจีน
หมายความว่า เมื่ออี-คอมเมิร์ซเติบโต สินค้าที่ได้รับผลดีคือสินค้าต่างชาติ ขณะที่สินค้าไทยไม่ได้รับผลบวกอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
มองไปยังธุรกิจสื่อ ตลาดแรงงานโทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ หดตัว เนื่องจากโฆษณาที่หดหาย แต่ยอดโฆษณาในสื่อใหม่ สื่อโซเชียลมีเดีย ที่ขยายตัวมากขึ้น
แต่เม็ดเงินโฆษณาในสื่อใหม่ๆ 70% ตกเป็นของกิจการข้ามชาติ อยู่ในมือยักษ์ใหญ่เพียง 3-4 รายเท่านั้นที่ควบคุมตลาดเอาไว้ได้
มองไปแม้กระทั่งแรงงานในโรงอุตสาหกรรม ที่เดิมทีจ้างแรงงานไทยเป็นหลัก แต่ปัจจุบันแรงงานที่เข้ามา คือ เมียนมา ลาว กัมพูชา
เม็ดเงินที่ได้ก็ส่งกลับประเทศ
ทั้งหมดจึงต้องหาหนทางให้ดี อนาคตแรงงานไทยจะไปในทิศทางใด
แม้ตัวเลขการว่างงานของภาครัฐจะออกมาอยู่ในอัตราต่ำ แต่ทว่าด้วยอัตราเร่งของเทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนสภาพธุรกิจ จะทำให้อัตราการว่างงานอย่างแท้จริง ปรับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
และสภาพการว่างงานของบ้านเรา แตกต่างจากต่างประเทศ โดยยังมีลักษณะการว่างงานแฝง จากสภาพสังคมที่ยังคงมีลักษณะเป็นเครือญาติคอยค้ำจุนกันอยู่
อนาคตจึงจำเป็นต้องมองถึงลักษณะงานที่เรามีความได้เปรียบเป็นจุดแข็ง
ธุรกิจที่ยังจ้างงานชัดเจน คือภาคบริการ อย่างท่องเที่ยว และภาคการผลิตคือภาคการเกษตรที่ยังคงเป็นหัวใจหลัก
ที่เหลือก็มองไม่เห็น อะไรจะเป็นตลาดรองรับแรงงานขนาดใหญ่
นี่จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตเศรษฐกิจไทย