posttoday

เศรษฐกิจสัญญาณติดขัด

25 กุมภาพันธ์ 2562

ตั้งแต่ต้นปี สัญญาณความน่าเป็นห่วงทางเศรษฐกิจก็เกิดขึ้นให้เห็น

เรื่อง ณ กาฬ เลาหะวิไลย

ตั้งแต่ต้นปี สัญญาณความน่าเป็นห่วงทางเศรษฐกิจก็เกิดขึ้นให้เห็น

นั่นคือการส่งออกเดือน ม.ค. ติดลบ

มูลค่าการส่งออกเดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 18,993.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 5.65% เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

สาเหตุสำคัญมาจากความกังวลเกี่ยวกับความไม่ชัดเจนในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร สร้างความกดดันให้การค้าการส่งออกทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

เท่าที่ประเมินส่งออกอาจจะติดลบอย่างต่อเนื่อง และอาจลดลงไปทั้งไตรมาสแรกนี้

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบอื่นๆ ทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกลดลงตาม กลุ่มสินค้ายานยนต์ของไทยเกิดปัญหาด้านการขนส่งในช่วงปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

ที่สำคัญยังมีความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าประเทศอื่นๆ ทำให้ราคาสินค้าในกลุ่มเกษตรกรรมมีราคาสูง โดยเห็นได้ชัดในสินค้าข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา ไก่ อาหารทะเล ของไทยมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง

ประเด็นค่าเงินบาทแข็งยังคงอยู่ แม้ว่าในเดือน ม.ค. การส่งออกติดลบ ขณะที่การนำเข้าขยายตัวขึ้น จนทำให้ยอดขาดดุลการค้าถึง 4,032 ล้านดอลลาร์ ตามทฤษฎีควรจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง แต่ในความเป็นจริง ค่าเงินกลับแข็งขึ้น

ทั้งหมดหมายความว่า มีเงินทุนไหลเข้ามา เพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การเข้ามาซื้อตราสารทางการเงิน ฯลฯ

สัญญาณการส่งออกที่ติดลบ และอาจลบทั้งไตรมาสแรก ทำให้เศรษฐกิจในปีนี้ไม่น่าจะสดใสนัก

สาเหตุเพราะการส่งออกคือ 1 ใน 4 เครื่องจักรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงเหลือเพียงเครื่องจักรอื่นๆ ที่ต้องเหลียวไปดู

ตัวแรกคือการลงทุนของภาคเอกชน ที่ประเมินแล้วคงขยับไม่มากนัก อันเป็นผลจากปัจจัยต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะต้องดูทิศทางการเมืองหลังการเลือกตั้งให้ชัดเจน

ถัดมา การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน คงชะลอตัวเช่นกัน

สุดท้ายจึงเหลือเพียงการลงทุน การจับจ่ายใช้สอยของรัฐบาลเท่านั้น เป็นตัวแปรที่กำหนดได้มากกว่าตัวแปรอื่นๆ

เศรษฐกิจจึงต้องพึ่งพาการลงทุนของรัฐ การจับจ่ายของรัฐ ถ้าเงินไม่ขับเคลื่อนออกมา ปีนี้คงจะหนักเอาการ

แต่สิ่งที่น่าห่วงก็คือ ในช่วงก่อนเลือกตั้ง กระบวนการทำงานของภาครัฐมักจะชะลอตัว หรือภาษาที่เรียกกันก็คือเกิดอาการเกียร์ว่าง คงไม่ผิดนัก

การที่จะหวังเม็ดเงินจากภาครัฐ เป็นเรื่องที่น่าห่วงไม่แพ้กัน

เดิมพันสำคัญทางเศรษฐกิจ จึงอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่

ถ้าทุกอย่างเดินหน้าไม่ติดขัด เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจก็จะขับเคลื่อนได้ โดยเฉพาะการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ ที่ต้องเทเงินกันออกมาอย่างแน่นอน

ทว่าหากเกิดปัญหา การตั้งรัฐบาลสะดุด มีอุปสรรค

เห็นทีจะเกิดอาการวังเวง วิเวกหวิวอย่างทั่วถึง

ถึงขั้นต้องตัวใคร ตัวมัน มองไปเห็นแต่สารพัดปัญหารออยู่