เลือก สส.ลองกันใหม่

เรื่อง ณ กาฬ เลาหะวิไลย

เห็นตัวเลขผู้สมัคร สส.แล้ว คงต้องตกใจกันไม่น้อย

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภาพรวมการเปิดรับสมัคร สส.ทั่วประเทศ ในวันที่ 2 ที่เปิดรับ แค่ครึ่งเช้ามีผู้สมัคร 6,474 คน สูงขึ้นกว่าปี 2554 ถึง 3 เท่า

ลองเอาจำนวนเขตเลือกตั้ง 350 เขต หารออกมา ก็เท่ากับจะมี
ผู้สมัครเฉลี่ย 18 คนครึ่ง ในทุกๆ เขต

บางเขตจะมีผู้สมัครมาก บางเขตมีผู้สมัครน้อย โดยเขตที่มีคนสมัครมากก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีข่าวทำนองว่า บัตรลงคะแนนอาจมีความยาวถึง 2 ฟุต

ชาวบ้านที่ไปเลือกตั้ง คงต้องลำบากในการกาลงคะแนนให้กับว่าที่ สส.ที่ตัวเองชื่นชอบ

สภาพที่เป็นอยู่ จะทำให้ สส.มีอิทธิพลมากกว่าพรรคการเมือง

ทั้งหมดมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน รวมไปถึงกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง กำหนดวิธีการเลือก สส.เอาไว้

เริ่มตั้งแต่ในแต่ละเขตเลือกตั้ง จะมีการจับสลากผู้สมัคร ว่าใครจะได้เบอร์อะไร

ผู้สมัคร สส.พรรคเดียวกัน แต่อยู่คนละเขต ส่วนใหญ่จึงจะไม่ได้เบอร์เดียวกัน

ข้อกำหนดนี้แตกต่างจากเดิมที่บัญญัติว่า พรรคการเมืองจะได้เบอร์เดียวทั้งประเทศ เช่น พรรค ก. ถ้าจับได้เบอร์ 1 ทุกเขตเลือกตั้ง ก็จะเป็นเบอร์ 1 ตลอด

ผลของบทบัญญัติใหม่ จึงทำให้อิทธิพลของตัวบุคคลมีมากกว่าพรรค ชาวบ้านจะจำคน ไม่ได้จำพรรค

และยิ่งมีผู้สมัครมากมายดังที่เห็น ก็จะยิ่งเป็นตัวแปรทำให้ชื่อของพรรค ลดความสำคัญลง

ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางพรรคการเมืองระดมนักการเมืองรุ่นเก๋าส่งลงพื้นที่ เพื่อชิงชัยในการเลือกตั้ง แทนที่จะส่งคนรุ่นกลาง รุ่นใหม่ ที่ยังไม่คุ้นตา

บางเขตเลือกตั้งยังเกิดการเปลี่ยนชื่อ ไปเป็นชื่อคนอื่นที่อยู่ต่างแดน มองไปอาจเป็นเรื่องประหลาด แต่ถ้ามองอีกแง่ อาจเป็นการกระทำที่ส่งผลดีต่อตัวผู้สมัครก็เป็นไปได้

ที่น่าติดตามอีก ก็คือ ไม่เพียงในกระบวนการเลือกตั้ง แต่หลังจากได้เป็น สส. บทบาทอำนาจของตัวบุคคลก็จะยิ่งสูงขึ้น

ในอดีตรัฐธรรมนูญปี 2540 กำหนดให้อำนาจพรรคการเมือง โดยหวังจะทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง ด้วยวิธีหากมีการขับ สส.ออกจากพรรค คนผู้นั้นต้องสิ้นสภาพ สส.ทันที

สส.จึงต้องอยู่ในโอวาท เชื่อฟังผู้บริหาร เจ้าของพรรค

แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ บัญญัติไว้ว่า ถ้า สส.ถูกขับพ้นจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง ก็มีเวลา 30 วัน ในการหาพรรคการเมืองใหม่ ถ้าหาได้ก็ไม่สิ้นสภาพ

นี่แหละ คือการลองของ หาทางออกกันใหม่ ป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาดอำนาจการเมือง ผูกขาดอำนาจในพรรค จากนั้นก็ใช้อำนาจพรรคควบคุม สส.

ของใหม่แบบนี้ จะเดินหน้า ถอยหลัง ก็ต้องดูกันต่อไป