ยิ่งตียิ่งโต
ระหว่างสงครามการค้าสหรัฐกับจีน ยังคงไม่รู้บทสรุปว่าจะออกกันอีท่าไหน
โดย..ณ กาฬ เลาหะวิไลย
คงยังไม่รู้จะออกกันอีท่าไหน ระหว่างสงครามการค้าสหรัฐกับจีน
เหมือนกับว่า ยิ่งสหรัฐเล่นงานจีนมากเท่าใด ตัวเองก็ติดกับมากขึ้นเท่านั้น
เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค. สหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนกว่า 800 รายการ ในอัตรา 25% เป็นมูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
และรัฐบาลจีนก็เอาคืนด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐ 25% ในวงเงินเท่ากัน
ยกแรกผลออกมาว่า ในเดือน ก.ค. จีนยังคงเกินดุลกับสหรัฐที่ 28,100 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากเดือน มิ.ย. ที่เกินดุลถึง 28,900 ล้านดอลลาร์
ถัดมาไม่นาน ทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ผู้แทนการค้าพิเศษของสหรัฐ ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนอีก 10% เป็นมูลค่าราวๆ 2 แสนล้านดอลลาร์
งวดนี้ครอบคลุมสินค้ากว่า 6,000 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อสัตว์แช่แข็ง ปลาสด อาหารทะเล เนย หัวหอม กระเทียม ผักอื่นๆ ผลไม้ ถั่ว โลหะและสารเคมี
ประกาศก็ประกาศไป พอสิ้นเดือน ส.ค. ปรากฏว่าจีนเกินดุลการค้าสหรัฐเป็นประวัติการณ์อีกแล้ว ด้วยตัวเลขการเกินดุล 31,050 ล้านดอลลาร์
เหตุผลที่ทำให้จีนเกินดุลการค้าก็คือ แม้การส่งออกไปสหรัฐจะมีอัตราการเติบโตที่ลดลง แต่การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ กลับมีอัตราขยายตัวที่ลดลงมากกว่าการส่งออก
อย่างในเดือน ส.ค. ยอดการส่งออกไปสหรัฐ เติบโตขึ้น 9.8% จากเดิมที่เคยเติบโต 12.2% แต่ยอดนำเข้าเติบโต 20% จากเดิม 27%
เมื่อหักกลบกัน จีนจึงยังคงเกินดุลการค้าสหรัฐอยู่ดี
นอกจากนั้น ถ้าไปดูค่าเงินหยวน ช่วงที่ผ่านมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐ เท่ากับว่า สินค้าจีนได้เปรียบเมื่อเทียบกับสินค้าสหรัฐ
ทั้งหมดยังไม่นับต้นทุนอื่นๆ ที่จีนได้เปรียบสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นค่าแรง รวมไปถึงการอุดหนุนทั้งทางตรงทางอ้อมจากรัฐบาลจีน
ดังนั้น การที่สหรัฐจะกดดันจีน เพื่อลดปัญหาการขาดดุลการค้าด้วยการขึ้นภาษีเล่นงานกันไปมาอย่างที่เห็น คงจะจัดการจีนไม่อยู่
หนทางที่จะทำให้สหรัฐชนะจีนในสงครามเศรษฐกิจแบบเบ็ดเสร็จ ก็คงจะเป็นการกดดันให้จีนเพิ่มค่าเงินหยวนให้แข็งขึ้น จนความสามารถในการแข่งขันลดลง
วิธีดังกล่าวเหมือนกับที่สหรัฐเคยทำกับญี่ปุ่นในช่วงปี 2528 มาแล้ว ในช่วงที่ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าสหรัฐมากเกิน
แต่จีนคงไม่หลงเข้าไปในวังวนนี้ เพราะเห็นตัวอย่างจากญี่ปุ่น
เพราะภายหลังการขึ้นค่าเงินเยน ก็เป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งแห่งหายนะทางเศรษฐกิจญี่ปุ่น
เศรษฐกิจญี่ปุ่นติดหล่ม อุตสาหกรรมหลักโยกย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยติดลบ ขาดกำลังซื้อ ฯลฯ ยังแก้ไขไม่ได้จนถึงทุกวันนี้
บทเรียนในอดีตจึงมักจะสอนให้เห็นอนาคตเสมอ
ศึกระหว่างสหรัฐกับจีน จึงยังไม่จบง่ายๆ ยากจะประเมินตอนจบ