posttoday

ทำลายตัวเอง

14 สิงหาคม 2561

การเปลี่ยนแปลงของสภาวะสิ่งแวดล้อมกำลังทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นทั่วทุกมุมโลก นำไปสู่เหตุการณ์ภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี

โดย..แสงตะเกียง

การเปลี่ยนแปลงของสภาวะสิ่งแวดล้อมกำลังทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นพายุที่ก่อตัวทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี นำไปสู่เหตุการณ์น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภาวะโลกร้อน หรือแม้กระทั่งปัญหาสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์อาจต้องเผชิญหน้ากับความสูญสิ้น

ทั้งหมดเกิดจากน้ำมือมนุษย์ได้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยการปล่อยมลพิษทางอากาศและทิ้งขยะจำนวนมหาศาลโดยรู้ตัวมาตลอด

เนื่องจากสิ่งปฏิกูลเหล่านี้ไม่ได้สลายสูญหายไปไหน แต่กลับล่องลอยไปตามกระแสลม-กระแสน้ำ ขึ้นไปสะสมในเขตขั้วโลกเหนือ ดินแดนธรรมชาติแห่งความหนาวเย็นและน้ำแข็งยักษ์ให้ละลายลงทุกวินาที จึงเป็นที่มาของการส่ง 2 นักวิทยาศาสตร์คนไทยเดินทางไปศึกษาสำรวจวิจัยเก็บตัวอย่างที่ขั้วโลกเหนือเป็นครั้งแรกของประเทศ ซึ่งเป็นการปฏิบัติการดำน้ำสำรวจใต้ทะเล เก็บตัวอย่างตะกอนดิน สิ่งมีชีวิต และขยะขนาดเล็กเพื่อนำกลับมาศึกษา วิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโลกในอีก 20 ปีข้างหน้า

ทำไมต้องเก็บตัวอย่างตะกอนดิน เพราะสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและขยะพลาสติกขนาดจิ๋วได้ปนเปื้อนทั้งในน้ำทะเล น้ำแข็ง สัตว์น้ำ สัตว์บก มีขยะมากน้อยเพียงใด ปัจจัยเหล่านี้สามารถบอกถึงสภาพการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ เช่น อุณหภูมิที่ขั้วโลกเหนือสูงขึ้นแม้เพียง 1 องศา แต่นั่นหมายความว่าน้ำแข็งกำลังละลาย สิ่งที่ตามมาคือเกิดปัญหาน้ำท่วมเมืองหลวงต่างๆ หรือฝนตกไม่ตรงตามฤดู

ใครจะเชื่อว่า “ขั้วโลกเหนือเป็นภาชนะรองรับของเสียจากทั้งโลก” แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เนื่องจากทุกกิจกรรมของมนุษย์ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากทุกประเทศ ซึ่งก๊าซเหล่านี้ไม่ได้สะสมอยู่แค่ในประเทศของตัวเองเท่านั้น หากแต่ลอยตามกระแสลมและการหมุนของโลกพัดผ่านไปสะสมอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ เมื่อนักวิทยาศาสตร์วัดค่าคาร์บอนไดออกไซด์จึงพบว่าค่าคาร์บอนไดออกไซด์มีระดับที่สูงมาก ทั้งที่บริเวณนั้นแทบไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่เลย

ดังนั้น ผลงานวิจัยศึกษาสภาพสิ่งแวดล้อมขั้วโลกเหนือที่ได้จะถูกนำมาวิเคราะห์รับมือผลกระทบทางธรรมชาติในอนาคต เพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาที่กำลังคืบคลานเข้ามา

ทว่าทุกวันนี้ประเทศไทยให้ความสำคัญกับกระบวนการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมน้อยมาก ทำได้เพียงตั้งรับกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น เช่น พายุใหญ่ ฝนตกหนัก น้ำท่วม น้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งมากขึ้น รวมถึงเหตุการณ์สึนามิ อาจเป็นเพราะนิสัยของมนุษย์ต้องเผชิญกับเรื่องร้ายก่อนจึงจะตื่นตัว แม้ว่าในอดีตได้เกิดผลกระทบทางธรรมชาติมาอย่างต่อเนื่อง แต่มนุษย์ได้ไปเร่งให้ธรรมชาติของโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมากยิ่งขึ้นอีก

จะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน หากเห็นภาพลูกหมีขาวกำลังกัดกินขยะพลาสติกที่อยู่บนน้ำแข็ง จะรู้สึกอย่างไรที่ผ่าท้องปลา นก แมวน้ำ แล้วมีแต่ขยะเศษพลาสติก นั่นแสดงว่าอาหารไม่มีอะไรจะกินแล้ว พฤติกรรมเหล่านี้เริ่มพบเห็นบ่อยขึ้นและในที่สุดทุกชีวิตรวมถึงมนุษย์จะเผชิญกับการสูญพันธุ์

จึงมีความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญต่องานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม ไปพร้อมกับมาตรการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ อย่าให้ความสำคัญกับมุมมองทางเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว แล้วเมินคุณค่าของสิ่งแวดล้อม สังคม เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยนี้มุ่งเน้นด้านการท่องเที่ยว แต่ไม่เคยลงไปดูว่าการท่องเที่ยวจริงๆ มีการป้องกันรักษาธรรมชาติให้คงอยู่ได้อย่างไร

นับจากนี้ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกคนต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง