วัดฝีมือ
พลันที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานความผิดสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร
โดย...ดาบบุญ
พลันที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานความผิดสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร พร้อมพวกรวม 5 คน ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
ดูเหมือนฟ้าจะถล่มวัดพระธรรมกายในทันที
เพราะความเห็นที่ว่าจะต้องนำไปสู่การเข้าควบคุมตัวพระชื่อดังแห่งปทุมธานี เพราะสืบรู้จนแน่ชัดว่าพระธัมมชโยยังคงอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย
แต่วิธีไหนกันที่จะได้เข้าถึงตัว...
ด้วยครั้งที่ผ่านมา หากจำกันได้เมื่อ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมด้วยกำลังตำรวจ เคยพยายามจะเข้าไปยื่นขอแจ้งข้อกล่าวหากับพระธัมมชโยมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ครั้งนั้นก็ถูกกระแสของศิษยานุศิษย์ ที่เป็นคลื่นมนุษย์เข้าขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าถึงตัว
ด้วยการนั่งสมาธิ สวดมนต์ และปกป้องหลวงพ่ออันเป็นที่รักและศรัทธาของพวกเขา
กระทั่งรอบล่าสุดที่วัดพระธรรมกายอาจจะต้องเผชิญหน้ากับรัฐอีกคำรบ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้ลูกศิษย์ลูกหาของพระธัมมชโยจะมากมาย แต่ก็ยังมีคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด รวมถึง “เหยื่อ” ที่ต้องสูญเสียเงินไปจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ถูกโกงไป
ความหวังการลากตัวคนผิดมารับโทษ และชดใช้สิ่งที่พวกเขาสูญเสีย ไปจึงอยู่ที่ความสามารถของภาครัฐเท่านั้น
แน่นอนว่าประสบการณ์ในการ “เข้าถึง” ครั้งก่อนของเจ้าหน้าที่รัฐที่จะต้องถอดบทเรียนออกมาให้ได้ว่า ทำไมถึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้สำเร็จลุล่วง ทั้งๆ ที่พระธัมมชโยในฐานะผู้ถูกกล่าวหาก็ยังอยู่ในระยะห่างแค่หลักร้อยเมตร
มันจึงดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้ง ดีเอสไอ ตำรวจ และแน่นอนไปถึงรัฐบาล ถูกตอกหน้าแรงๆ และทวงถามถึงความสามารถในการอำนวยความยุติธรรม
เพราะไม่อาจเชื่อได้ว่าหน่วยงานที่ต้องปกป้องสิทธิของประชาชนไม่ให้ถูกรังแก และตามหาคนผิดมารับโทษทัณฑ์ ด้วยงบประมาณแต่ละปีช่างมหาศาล และการเอาตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพียงคนเดียว กลับยังทำไม่ได้
มันเป็นเรื่องที่เชื่อไม่ได้อย่างเด็ดขาด
กระนั้น แต่สิ่งที่เชื่อได้อย่างหนึ่ง และค่อนข้างจะแน่ชัดว่า พระธัมมชโยคงไม่ออกมาเผชิญกับความยุติธรรมด้วยตนเองเป็นแน่ เพราะอย่างไรเสีย หากเดินเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย สถานะความเป็นพระสงฆ์อาจจะต้องหมดสิ้นไป
รัฐภายใต้หน่วยงานทั้งดีเอสไอ ตำรวจ และหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงต้องวัดฝีมือในการเข้าถึงตัวให้ได้
จากนั้นจะผิดหรือถูก หรือจะหลุดคดี หรือต้องเดินเข้าห้องขังเรือนจำ ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพิจารณาตามหลักฐานที่ปรากฏ
แต่ด่านแรก จึงจำต้อง “เข้าถึง” ให้ได้มาซึ่งตัวพระธัมมชโย และนี่ไม่ใช่การแห่แหนกระแสในสังคม แต่เพื่อความยุติธรรมที่รัฐจะต้องสำแดงถึงฝีมือ