posttoday

คาใจ

05 ตุลาคม 2559

เป็นไปตามคาด แม้ชี้แจงกันไปแล้วแต่ยังมีการตั้งคำถามคาใจกันอยู่ดี ต่อกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

โดย...ขำ เคืองใจ [email protected]

เป็นไปตามคาด แม้ชี้แจงกันไปแล้วแต่ยังมีการตั้งคำถามคาใจกันอยู่ดี ต่อกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และคณะ เดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนและสหรัฐ ที่มลรัฐฮาวาย ด้วยการจ้างเครื่องบินเหมาลำ วงเงิน 20.9 ล้านบาท

กล่าวไว้เมื่อวันก่อน การเปิดเผยรายการงบประมาณเดินทางครั้งนี้ เป็นแค่การกำหนดราคากลาง ยังไม่ใช่ยอดใช้จ่ายจริง ซึ่งการบินไทยจะรายงานกลับมาที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อรับทราบอีกครั้ง เพื่อจะได้เก็บเงินได้ถูกต้องนั่นละครับ

ในส่วนนี้ต้องมาติดตามตอนต่อไปว่า รายการค่าใช้จ่ายจริงทั้งหมดเป็นเงินสักกี่มากน้อย 

แต่เหนืออื่นใดระหว่างรอคำตอบ มิวายมีเครื่องหมายคำถามแปะกลางหน้าผากคนในรัฐบาลเพื่อให้ตอบคำถามเพิ่มเติม?!?

เริ่มตั้งแต่ผู้โดยสารจำนวน 38 คน ซึ่งโฆษกกระทรวงกลาโหมบอกแค่ว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่การบิน ผู้ติดตาม สื่อมวลชน แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้เพราะเป็น “เรื่องความมั่นคง” 

เข้าใจได้ตามสไตล์ข้าราชการทหารมักยึดคำพูด “เพื่อความมั่นคง” แต่ดูขัดแย้งกับสิ่งที่สำนักเลขาธิการนายกฯ เปิดเผยรายการค่าใช้จ่ายออกมาเพื่อสะท้อนความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามนโยบายรัฐบาล คสช.

อีกอย่างมีคำกล่าวว่า “เป็นเรื่องที่ดีที่สังคมปัจจุบันมีความตื่นตัว เรียนรู้และมีส่วนร่วมในการทำงานของภาครัฐมากขึ้น” พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2559

ฉะนั้น เพื่อทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ตรงกันว่าคณะบุคคลนอกเหนือจาก พล.อ.ประวิตร ล้วนไปปฏิบัติภารกิจเพื่อประเทศชาติจริงๆ

หรือแม้แต่รายการอาหาร แม้บอกว่ารับประทานก๋วยเตี๋ยวบนเครื่องเท่านั้น ก็ไม่แปลกอะไร ถ้าจะแจกแจงให้สาธารณชนทราบโดยละเอียด เป็นก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวไก่ หรือก๋วยเตี๋ยวปลาคาร์เวีย หรือเกรงว่าเมื่อเปิดเผยทุกเมนู จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารอีก

อย่าลืมนะครับ เรื่องนี้ไม่เหมือนกรณีงบลับ ที่หากไปเค้นแจกแจงก็กระไรอยู่ เพราะภารกิจตามงบลับบางอย่างไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระดับชาติอย่างแท้จริง

จริงอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ท่านบอกไปแล้วไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการสอบสวนงบฮาวายนี้หรอก

เพราะเห็นเป็นเรื่องการปฏิบัติภารกิจราชการต่างประเทศตามปกติ อีกทั้งสำนักเลขาธิการนายกฯ เปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายชนิดโปร่งใสตรวจสอบได้ จะสอบอะไรกันนักหนา

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ผู้ไปทำภารกิจเพื่อชาติจับมือ รมว.กลาโหมสหรัฐ ท่านก็ไม่ขออธิบายอีกแล้ว แบบว่าใช้ยุทธศาสตร์ความเงียบสงบสยบความเคลื่อนไหว

แต่ถ้าให้เลือก...วิธีปล่อยให้เรื่องเงียบแล้วจากไป กับการชี้แจงบรรดาคำถามคาใจเพิ่มเติมอีกสักครั้ง เลือกอย่างหลังน่าจะเกิดผลดีต่อรัฐบาล คสช.นะครับ

ดีกว่าปล่อยให้คลุมเครือ เหมือนเฉกเช่นกรณีบุตรชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกลาโหม ที่ตั้งบริษัทรับเหมาในค่ายทหาร

จนถึงป่านนี้ยังไม่ทราบว่าได้รับการแก้ไขไปถึงไหนแล้ว